ถามแพทย์

  • ทำ LEEP เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ผลเป็น CIN III วันที่ 9 ก.ค.มีเลือดสีน้ำตาลจางๆ ออกไม่เยอะ เกิดจากอะไร ต้องทำอย่างไร

  •  Tukta182532
    สมาชิก
    ทำleepมาวันที่27พค วันที่22มิย-28มิยเป็นประจำเดือน พอมาวันที่9กค มีเลือดออกไม่เยอะเปื้อนๆเป็นสีส้มๆน้ำตาลจางๆไม่เยอะคะ ไม่มีกลิ่นเหม็น มีปวดหน่วงท้องน้อยหน่วงช่องคลอดนิดหน่อย เหมือนตอนที่เป็นประจำเดือน เกิดจากอะไรได้บ้างคะ จากการทำleepรึป่าวคะ จะหายเองได้มั้ยคะ ก่อนหน้าที่จะไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วพบเซลปกติ ก็เพราะอาการแบบนี้คะ หลังเป็นประจำเดือนสัก12วันชอบมีเลือดออกแบบนี้คะจะออกประมาน5-7วันคะแต่หมอบอกเป็นคนรอบเดือนนานเพราะรอบเดือนห่างไป34-38วันเลยถ้านับจากรอบเดือนมันถึงรอบพอดีเลยมีเลือดออกเค้าแนะนำว่าถ้าเป็นอีกให้กินยาโฮโมนคะ ทำหมันแล้วไม่ได้กินยาคุมคะ จากผลชิ้นเนื้อจากการทำleepเป็น cin3 คะ คุณหมอได้ทำการตัดส่วนที่ผิดปกติออกให้หมดแล้ว นัดให้ไปตรวจภายในอีก1ปีข้างหน้าคะ ตั้งแต่ทำLeepมายังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ นะคะ เลยอยากทราบว่าต้องทำยังไงต่อบ้างคะ จะเป็นมะเร็งปากมดลูกไหม หรือต้องไปพบแพทย์เลยมั้ยคะ หรือรอดูอาการไปก่อน ขอขอบคุณล่วงหน้าคะคุณหมอ

    สวัสดีค่ะ คุณ Tukta182532,

                        หากผลการตรวจชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกเป็น CIN 3 ซึ่งคือระยะก่อนที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก (ระยะ 3) (ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกจะมี 3 ระยะ) และได้ทำการรักษาด้วยการตัดปากมดลูกแล้ว ด้วยวิธีการ LEEP หรือการตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า และไม่พบความผิดปกติอะไรเพิ่มเติม โอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกก็ค่อนข้างน้อยค่ะ

                         ทั้งนี้ หากได้ผ่าตัดปากมดลูกไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค. แล้ววันที่ 9 ก.ค. ได้มีเลือดสีน้ำตาลจางๆ ออกมาปริมาณไม่มาก แนะนำควรสังเกตอาการไปก่อน โดยเลือดดังกล่าว อาจเกิดจากสาเหตุ เช่น การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ มีมดลูกอักเสบ เกิดจากผลข้างเคียงของการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เป็นต้น ส่วนการที่จะกลับมาเป็น CIN 3 ใหม่ หรือกลายเป็นมะเร็งนั้น เป็นไปได้น้อย เพราะเพิ่งรักษาไปไม่นานค่ะ แต่ทั้งนี้ หากการผ่าตัด ไม่ได้เอาเซลล์ที่ผิดปกติออกมาได้หมด โอกาสที่จะกลับเป็นซ้ำก็เป็นไปได้อยู่ค่ะ

                         ในเบื้องต้น ควรสังเกตว่าได้ทานยาฮอร์โมนอะไรหรือไม่ เช่น ยาสตรี สมุนไพรต่างๆ เป็นต้น หากไม่ได้ใช้ ก็ให้สังเกตเลือดที่ออก หากยังคงมีออกมาบ่อยๆ อีก หรือออกปริมาณมาก หรือมีปวดท้องน้อยร่วมด้วย ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ