ถามแพทย์

  • ขณะมีเพศสัมพันธ์จะมีเลือดออก แล้วออกซึมๆ ไปอีก 1-2 วัน เกิดจากอะไร ทานยาคุมอยู่ และมีเนื้องอกในมดลูก

  •  bijjib
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ กรณีที่ขณะมีเพศสัมพันธ์หรือกำลังเริ่มมีเพศสัมพันธ์แล้วมีเลือดออกเป็นสีแดงสด และหลังจากนั้นก็จะมีเลือดซึมๆอีก 1-2 วัน ครั้งแรกที่เป็นเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์และเจ็บ หลังจากนั้นห่างประมาณ 2 สัปดาห์แค่เริ่มสอดใส่เลือดก็ออกเลย อยากทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างคะ ลองศึกษาดูแล้วมันมีหลายสาเหตุมาก และ จำเป็นต้องไปพบแพทย์เลยมั้ย

    - ไม่ใช่เพศสัมพันธ์ครั้งแรกค่ะ แต่หายช่วงมาสักระยะแล้ว

    - เป็นโรคเครียด ก่อนหน้าทานยาปรับสารเคมีในสมอง กลุ่มยาต้านซึมเศร้า แต่หยุดยาแล้ว

    - ทานยาคุมกำเนิดอยู่ด้วยไม่แน่ใจว่ามีผลมั้ย

    - เคยตรวจพบเนื้องอกในมดลูกค่ะ

    - ตรวจมะเร็งปากมดลูกล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน ผลเป็นปกติค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

     


     

    สวัสดีค่ะ คุณ bijjib,

                       การมีเลือดออกในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจาก

                      1. มีการบาดเจ็บของเยื่อบุช่องคลอด เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ในครั้งแรก การมีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรง เป็นต้น แต่ก็ไม่น่าทำให้มีเลือดออกทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

                       2. ผลข้างเคียงจากการทานยาคุมกำเนิด ซึ่งมักทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ หรืออาจออกเพียงเล็กน้อยแล้วค้างอยู่ในมดลูก แต่เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ก็จะไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว จึงมีเลือดไหลออกมาได้ 

                       3. มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก แต่มักมีอาการปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย 

                       4. มีโรคที่มดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

                        ทั้งนี้ หากเลือดที่ออกมีปริมาณเล็กน้อย ไม่มีปวดท้องน้อย ไม่มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็น่าจะเป็นผลจากยาคุมกำเนิดได้ ซึ่งหากเลือดที่ออกมีเพียงแค่เล็กน้อย ก็ไม่ได้อันตรายอะไร อาจสังเกตอาการไปก่อนได้ค่ะ 

                       แต่หากมีเลือดออกบ่อยๆ หรือออกปริมาณมากขึ้น แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจค่ะ เพราะอาจเกิดจากเนื้องอกมดลูกที่มีอยู่เดิม มีการโตขึ้นได้ค่ะ หรือหากมีปวดท้องน้อยร่วม ก็อาจเกิดจากมีมดลุกอักเสบได้