ถามแพทย์

  • มีไข้ เมื่อยตัว ท้องเสีย มีอาการปวดหัว เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร

  •  keerattii
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ อยากสอบถามว่าอาการและประวัติดังกล่าวควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาหรือว่าสามารถหายเองได้คะ อาการคือ : มีไข้ เมื่อยตัว ท้องเสีย มีอาการปวดหัวท้ายทอยซ้ายแบบจี๊ดๆ (ไม่ได้ปวดตลอดแต่อยู่ดีๆก็ปวดขึ้นมาแปปเดียวแล้วหาย แต่ปวดเรื่อยๆ) ประวัติ - วันอาทิตย์ 10/10 มีการกินยำกุ้งสดกับหอย - วันจันทร์ที่ 11/10 ไม่มีอาการอะไร - นอนน้อยติดกัน 2 คืน (วันละ 5 ชั่วโมง) - วันอังคาร 12/10 มีอาการง่วงซึมตอนเช้า+กินอาหารไม่ค่อยลง+มีอาการปวดหัวเล็กน้อย เลยทานกาแฟ 1 แก้ว และไปนวด(มีการกดทับตรงท้ายทอย) เริ่มมีอาการปวดท้ายทอยดังกล่าวรุนแรงขึ้นหลังนวด และเริ่มมีไข้ ปวดหัว + มีอาการอุจจาระร่วงหลังกินกาแฟ (อุจจาระเหลวประมาณ 4 ครั้ง) - เริ่มกินพาราไปตอน 18.00 , 22.00 ของวันที่ 12/10 และ 01.30 ของวันที่ 13/10
    keerattii  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ keerattii

    อาการมีไข้ เมื่อยตัว ท้องเสีย มีอาการปวดหัวดังกล่าวมานั้น ถ้าเป็นเฉียบพลัน เกิดหลังการรับประทานอาหารที่ไม่สุก ไม่สะอาด อาจจะเกิดจากภาวะอาหารเป็นพิษได้มากที่สุด สาเหตุอื่นๆเช่นลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวนแต่มักเป็นมาเรื้อรัง

    อาการของอาหารเป็นพิษที่พบได้บ่อยๆเช่น รู้สึกพะอืดพะอม คลื่นไส้ อาเจียนติดต่อกันหลายครั้งมีอาการปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพัก ๆ เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ ถ่ายท้อง ถ่ายมีมูกหรือเลือดปน ไม่อยากอาหาร

    ซึ่งจากที่กล่าวมามีความเป็นไปได้มากเช่นกัน ควรรับประทานอาหารอ่อนๆและสุกสะอาด ดื่มน้ำเปล่าสะอาดมากๆให้ชดเชยกับที่เสียไปจากการถ่ายเหลว กินยาลดไข้ ยาแก้ปวดท้องเพื่อบรรเทาอาการได้ และควรจะไปพบแพทย์ถ้าไข้สูงมาก ปวดท้องเยอะ ถ่ายเหลวต่อเนื่องจนอ่อนเพลีย แต่ปกติแล้วภาวะอาหารเป็นพิษในคนธรรมดาที่ไม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องสามารถหายได้เองค่ะ