เจ็บที่ลูกอัณฑะ และขนาดไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง เป็นไส้เลื่ิอนหรือไม่

 สวัสดีค่ะ คุณ ป.ปลา ตากลม,

                อาการของไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ คือจะคลำพบมีก้อนบวมที่อัณฑะเวลายืน นั่ง หรือไอ และยุบหายเวลานอนราบ โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ก้อนคลำดูมีลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บ แต่ถ้าเกิดภาวะแทรกซ้อน กลายเป็นไส้เลื่อนชนิดติดคา ก็จะทำให้มีอาการเป็นก้อนบวมและปวดอย่างต่อเนื่อง และมักมีอาการปวดท้องและอาเจียนร่วมด้วย 

              สำหรับสาเหตุอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บที่อัณฑะได้อีก เช่น

              - อัณฑะบิดตัว จะมีอาการปวดอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันภายในไม่กี่ชั่วโมง บางรายอาจมีอาการปวดท้องน้อย หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย 

               - อัณฑะอักเสบ (orchitis) พบได้ในคนที่เป็นโรคคางทูม แล้วเชื้อแพร่กระจายตามกระแสเลือดไปที่อัณฑะ หรือเกิดจากเป็นหนองในแล้วเชื้อลุกลามมาที่อัณฑะ หรือจากการติดเชื้ออื่นๆ ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอัณฑะ และอัณฑะบวมแดงร้อน มักมีไข้ร่วมด้วย

                - ท่อนำน้ำเชื้ออักเสบ (epididymitis) อัณฑะจะบวมและค่อยๆ ปวดมากขึ้น มีปวดเวลาปัสสาวะร่วมด้วย และปัสสาวะบ่อยขึ้น อัณฑะบวม แดง อาจมีไข้ร่วมด้วย

                - ถุงน้ำในอัณฑะ (hydrocele) พบเป็นก้อนนุ่มที่ถุงอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง โดยไม่ยุบหายไม่ว่าอยู่ในท่าใด มักไม่มีอาการเจ็บปวด แต่หากมีการติดเชื้อที่ถุงน้ำ ก็จะมีอาการปวดลูกอัณฑะ และลูกอัณฑะบวมแดงได้

                -.ก้อนเนื้องอกและมะเร็งอัณฑะ มีอาการเป็นก้อนแข็งที่อัณฑะข้างหนึ่ง อาจปวดหรือไม่ปวดก็ได้ แต่หากเป็นก้อนมะเร็ง ก้อนก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

                - โรคพังผืดอักเสบมีเนื้อตายบริเวณฝีเย็บ (necrotizing fasciitis of perineum)

                - ไขมันของถุงอัณฑะมีเนื้อตายเฉพาะส่วน (necrosis of scrotal fat) 

                  ดังนั้นแนะนำให้คุณ ป.ปลา ตากลม ไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูนะคะว่าเป็นไส้เลื่อนหรือไม่ หรือมีสาเหตุจากโรคอื่นๆ หากเป็นไส้เลื่อน ก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดค่ะ โดยหากไม่ไช่ไส่เลื่อนชนิดติดคาหรือเสี่ยงต่อการติดคา ก็จะนัดมาผ่าตัดจะถือว่าไม่รีบด่วน สามารถนัดมาผ่าในเวลาที่พร้อมได้ค่ะ