เป็นแผลที่บริเวณช่องคลอด ใหญ่ขึ้นและเหมือนมีหนอง หมอให้ยาปฏิชีวนะมากิน แต่ไม่หาย ทำอย่างไร

สวัสดีค่ะ คุณ Khing,

                   แผลที่บริเวณช่องคลอด อาจเกิดจาก

                   1. เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส อาการแสบร้อนหรือเจ็บปวด ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นแผล และมีน้ำเหลืองซึมได้ บางรายอาจมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลียร่วมด้วย

                   2. ซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน โดยระยะแรกจะมีตุ่มเล็กๆ จากนั้นตุ่มจะกลายเป็นแผล และจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบยกนูนและแข็ง พื้นแผลมีสีแดงและดูสะอาด แผลจะไม่เจ็บไม่คัน 

                   3. แผลริมอ่อน หรือซิฟิลิสเทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน อาการคือจะพบแผลขนาดเล็กที่อวัยวะเพศ จากนั้นแผลเล็กๆ ค่อยๆ ขยายรวมกันเป็นแผลใหญ่ ลักษณะของแผลจะดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ และรู้สึกเจ็บ ต่อมาต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโต และเจ็บ     

                    4. แผลที่เกิดจากการบาดเจ็บ เช่น โดนสิ่งของครูดบาด ซึ่งหากเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบมีหนองได้

                    5. เป็นฝีของต่อมบาร์โธลินซึ่งแตกออกกลายเป็นแผล โดยเริ่มต้น จะคลำได้เป็นก้อนที่บริเวณแคมก่อน และมีอาการเจ็บและปวดร่วม

                    6. แผลจากโรคมะเร็งที่ช่องคลอด แต่พบได้น้อยมาก และจะมีอาการเจ็บปวดมาก 

                     หากทานยาปฏิชีวนะที่แพทย์จ่ายให้แล้วไม่ดีขึ้น แนะนำควรไปพบแพทย์เฉพาะทางสูติ-นรีเวช เพื่อตรวจว่าเป็นแผลที่เกิดจากโรคอะไร จะได้ให้การรักษาที่ตรงกับโรคค่ะ ในเบื้องต้น ก็ควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศ โดยใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดเช็ดเอาคราบน้ำเหลืองและหนองออกให้หมด ใส่กางเกงชั้นในที่ไม่รัดแน่นเกินไป  หลังการเข้าห้องน้ำปัสสาวะและอุจจาระ ก็ต้องล้างน้ำให้สะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง และงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราวค่ะ