อายุ 15 ปี เป็นอีสุกอีใส ไม่อยากทานยาเขียว มียาอะไรช่วยบ้าง

สวัสดีค่ะ คุณ liiii,

                     อาการของโรคอีสุกอีใส จะเริ่มด้วย มีไข้  รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อาการเป็นอยู่ 1-2 วัน หลังจากนั้นจะเกิดผื่นเป็นจุดแดง ๆ ตามร่างกาย ทั้งใบหน้า หน้าอก หลัง ปาก เปลือกตา อวัยวะเพศ ผื่นแดงเหล่านี้จะเริ่มกลายเป็นตุ่มพองขนาดเล็ก มีน้ำใส ๆ ภายในตุ่ม มักมีอาการคัน หลังจากนั้นจะตกสะเก็ด แล้วค่อยๆ ลอกจางหายภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยไม่ได้ทำให้เกิดแผลเป็น ยกเว้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ซึ่งตุ่มน้ำใสจะกลายเป็นตุ่มหนองให้เห็น

              ในเด็กเล็ก หากเป็นอีสุกอีใส ส่วนใหญ่มักมีไม่อาการรุนแรงและไม่ค่อยเกิดภาวะแทรกซ้อน แต่ในวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้ที่มีภูมิต้านมานโรคต่ำ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ตุ่มน้ำใสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจนเป็นตุ่มหนองหรือกลายเป็นฝี เป็นปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนเสียชีวิตได้

                 ดังนั้นหากอายุ 15 ปี แล้ว แนะนำให้ทานยาต้านเชื้อไวรัสเพื่อป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนของโรค อีกทั้งจะช่วยลดระยะเวลาการป่วยเป็นโรคด้วย ยาที่ใช้ ได้แก่ acyclovir, valacyclovir, famciclovir เป็นต้น

                 สำหรับการดูแลด้วยตนเอง ได้แก่ การดื่มน้ำมากๆ หากมีไข้แนะนำให้ทานยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน หากมีอาการคันมากแนะนำให้ใช้ทานยาแก้แพ้ เช่น chlorpheniramine หรือใช้ยาทาภายนอกอย่างคาลาไมน์โลชั่น

              ส่วนยาเขียว เป็นยาแผนไทย มีสรรพคุณบรรเทาอาการไข้ แก้ร้อนใน ลดอาการกระหายน้ำ และใช้บรรเทาอาการไข้ออกผื่นชนิดต่างๆ เช่น หัด อีสุกอีใส ดังนั้นสามารถใช้ทานได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้เกิน 3 วัน และห้ามใช้ในกรณีสงสัยว่าอาจเป็นไข้เลือดออก หรือมีโรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และผู้ที่มีประวัติแพ้ละอองเกสรดอกไม้