ถามแพทย์

  • แพทย์แจ้งว่ามีซีสต์น่าจะเป็นที่รังไข่ มีปัสสาวะเป็นเลือดด้วย ไม่แน่ใจว่าโดนกระเพาะปัสสาวะด้วยหรือไม่ รักษาอย่างไร

  •  modoradee
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูตรวจเจอซีสต์เมื่อปีที่เเล้ว คุณหมอให้รักษาโดยการฉีดยาคุมกำเนิดเเบบ1เดือน จนจะครบ6เดือน เเต่พึ่งฉีดได้3เดือน หนูอยากสอบถามว่า ยาคุมที่ฉีดชนิด1เดือนนี้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ไหมหรือเเค่รักษาโรค เเล้วทำไมทำที่ว่าฉีดยาคุมชนิด1เดือนจะเป็นประจำเดือนปกติ เเต่ทำไมตั้งเเต่หนูฉีดมาไม่เป็นเลย เเละอีกอย่างคือ หนูเป็นไตอักเสบต้องนอนโรงบาล จึงจำเป็นต้องตรวจปัสสาวะเเต่มีเลือดปนปัสสาวะตั้งเเต่ครั้งเเรกที่ตรวจ จนหมอนัดตรวจอีกรอบค่าไตค่าต่างๆในร่างกายปกติเเล้ว เเต่ปัสสาวะยังคงมีเลือดปน คุณหมอที่รักษาไตเลยตั้งข้อสงสัยว่า ซีสต์ที่เป็นอยู่รังไข่ เป็นอยู่กระเพราะปัสสาวะด้วยหรือเปล่า เเละมีโอกาสเป็นไปได้ไหม ปล.จากวันที่ตรวจว่ามีปัสสาวะปนเลือด จนวันที่หมอนัดมีเวลาห่างกันประมาณ1เดือนค่ะ
    modoradee  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ modoradee

    ในที่นี้น่าจะหมายถึงซีสต์หรือถุงน้ำที่รังไข่

    ถุงน้ำในรังไข่เป็นถุงน้ำที่เกิดขึ้นภายในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งหรือบริเวณรอบ ๆ รังไข่ ส่วนใหญ่จะไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ และสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่หากถุงน้ำมีขนาดใหญ่ก็อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดท้องน้อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นต้น

    อาการอื่นๆที่อาจเกิดจากถุงน้ำในรังไข่ได้เช่น ปวดแปลบหรือปวดตื้อ ๆ บริเวณท้องส่วนล่าง ปวดท้องน้อยก่อนหรือในระหว่างที่มีรอบเดือน ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ  ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ อิ่มเร็ว คลื่นไส้และอาเจียน ปวดหลังส่วนล่างและบริเวณต้นขา เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ เจ็บเต้านม ส่วนใหญ่เป็นอาการที่ไม่ค่อยจำเพาะเจาะจง

    การรักษาด้วยการใช้ยาฉีดคุมกำเนิดก็จัดเป็นการรักษาหลักเพื่อยับยั้งการตกไข่และลดโอกาสการเกิดซ้ำ แต่หากการใช้ยาได้ผลไม่ดี การผ่าตัดรักษาก็อาจจะมีความจำเป็น การที่มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะน่าจะไม่ใช่อาการโดยตรงของโรคถุงน้ำในรังไข่ค่ะ อาจจะเป็นความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะหรือกรวยไตได้มากกว่า แนะนำการสอบถามกับแพทย์ผู้รักษาโดยตรง เพื่อตรวจเพิ่มเติมอื่นๆเช่นการทำอัลตราซาวน์หน้าท้อง การเอ็กซเรย์ดูตรงกรวยไตเรื่องนิ่วที่อาจจะอธิบายอาการปัสสาวะเป็นเลือดได้ และควรจะติดตามอาการทั้งเรื่องถุงน้ำรังไข่และปัสสาวะเป็นเลือด เพื่อดูว่าตัวโรคไม่ได้เป็นมากขึ้น