มีอาการปวดท้อง หมอบอกว่าเป็นลำไส้อักเสบ ทานยาแล้วยังมีอาการปวดอยู่ จะเป็นมะเร็งลำไส้ไหม

 สวัสดีค่ะคุณ thitiwat2456

อาการปวดท้องขวาล่างมาเรื้อรัง อาจจะเกิดจาก

-ลำไส้อักเสบ ทำให้ปวดท้องบิด ถ่ายเหลว แต่มักเป็นเฉียบพลัน

-ลำไส้แปรปรวน อาจมีการขับถ่ายเปลี่ยนแปลง เช่นท้องผูกเด่น ท้องเสียเด่น ปวดบิดท้องได้

-มีนิ่วในทางเดินปัสสาวะ จะมีอาการปัสสาวะแสบขัดและปนเลือด

-กล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบ มีจุดกดเจ็บชัดเจน สัมพันธ์กับท่าทาง

ส่วนเรื่องกระเพาะอาหารนั้นมักจะปวดบริเวณซ้ายบนหรือจุกแน่นลิ้นปี่เป็นหลัก

ถ้าสัมพันธ์กับมื้ออาหาร ร่วมกับขับถ่ายผิดปกติร่วมด้วย จะนึกถึงเรื่องลำไส้อักเสบหรือแปรปรวนมากที่สุด

มะเร็งลำไส้คือมะเร็งที่เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่รวมถึงส่วนต้นของทวารหนัก อาการอาจมาด้วย พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่นท้องผูกสลับท้องเสียและเป็นเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด รู้สึกถ่ายไม่สุด ปวดท้อง รู้สึกแน่นอึดอัดบริเวณช่วงท้องเหมือนมีแก๊สในท้อง ท้องอืด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลงโดยไม่มีสาเหตุ การมีประวัติคนในครอบครัวเป็น ก็จะเพิ่มโอกาสของตัวเราไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดในทุกคน

หากยังปวดเรื้อรัง ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มีขับถ่ายเป็นเลือด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม ถ้าประวัติและอาการเข้าได้มาก อาจจะต้องมีการส่องกล้องลำไส้ใหญ่

การดูแลตัวเองเบื้องต้น พักผ่อน งดยกของหนัก รับประทานอาหารอ่อนๆและสุกสะอาด ดื่มน้ำมากๆ รับประทานยาแก้ปวด