ล้มหัวฟาดพื้น หลังล้มคือจำไม่ได้ว่าล้มยังไง คลื่นไส้ อาเจียน มึนหัว หัวโนด้วย อันตรายไหม

สวัสดีค่ะ คุณ St4747,

                   การล้มหัวฟาดพื้น หรือคือการเกิดอุบัติเหตุต่อศีรษะนั้น แบ่งออกเป็น

               1. การบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง อาจมีแผลฟกช้ำ หรือแผลฉีกขาดเกิดขึ้นที่หนังศีรษะ มีเจ็บ ปวดหนังศีรษะ หรือปวดศีรษะ มึนหศีรษะเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงอะไร

               2. มีการบาดเจ็บรุนแรง จนมีความผิดปกติเกิดขึ้นในสมอง ได้แก่

                    - สมองได้รับการกระทบกระเทือน ( brain concussion) ผู้ป่วยมักจะมีอาการหมดสติไปเพียงชั่วครู่ หรือบางรายอาจนานเป็นชั่วโมงๆ แต่จะไม่เกิน 24 ชั่วโมง เมื่อฟื้นแล้วจะรู้สึกมึนงง จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ อาจเป็นเพียงชั่วขณะหรือเป็นวัน อาจมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งจะค่อยๆหายไปได้เองในที่สุด

                    - สมองฟกช้ำ (brain contusion) หรือสมองฉีกขาด (brain laceration) ผู้ป่วยจะหมดสติ หลังบาดเจ็บทันที บางรายอาจเกิดขึ้นหลังบาดเจ็บใน 24-48 ชั่วโมงอาจมีอาการอัมพาตครึ่งซีก กล้ามเนื้อแข็งเกร็งชักถ้ามีอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่รุนแรงผู้ป่วยมักฟื้นคืนสติได้ แต่อาจมีอาการปวด ศีรษะสับสน เพ้อเอะอะ คลื่นไส้อาเจียน แขนขาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หลง ๆลืม ๆ หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนไปจากเดิม

                 - เลือดออกในสมอง ( intracranial hemorrhage) ถือว่าเป็นอาการร้ายแรง ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มักมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ซึมลงเรื่อยๆ แขนขาเป็นอัมพาต ตัวเกร็ง ชีพจรเต้นช้า หายใจตื้นขัด ความดันเลือดสูง คอแข็ง รูม่านตาสองข้างไม่เท่ากัน ในรายที่เป็นเฉียบพลัน มักมีอาการเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงบางรายอาจมีอาการเกิดขึ้นภายหลังได้รับบาดเจ็บ เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน อาจมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งเป็นบ่อยและรุนแรงขึ้นทุกที คลื่นไส้อาเจียน ซึม บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ชักแบบโรคลมชัก 

                   ดังนั้น หากล้มหัวฟาดพื้น โดยมีความแรง และมีอาการหลงลืมไปชัวครู่ ร่วมกับมีอาการอาเจียน มึนศีรษะ ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติในสมอง แนะนำควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน ซึ่งแพทย์อาจต้องรับไว้นอนในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าสังเกตอาการอย่างน้อย 24 ชั่วโมงค่ะ ทั้งนี้ ไม่ควรขับรถไปเองโดยเด็ดขาดค่ะ

                  สำหรับอาการหัวโน ก็คือแผลฟกช้ำ ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของหลอดเลือดเล็กๆ ในชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเลือดออกในชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และเห็นเป็นสีแดงเกิดขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่ภายใน 2-3 ชั่วโมงต่อมา สีแดงจะหลายเป็นสีม่วงน้ำเงิน หลังจากนั้น จะกลายเป็นสีม่วงเข้มดำไปนาน 1-5 วัน แล้วจะค่อยๆ กลายเป็นสีเขียวในช่วง 5-10 วัน และเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลภายใน 14 วัน และจึงหายไป แต่หากแผลฟกช้ำมีขนาดเล็ก ก็อาจหายเร็วภายใน 1 สัปดาห์ได้

                   การดูแลในเบื้องต้น คือ การใช้ความเย็นประคบในช่วง 48 ชั่วโมง โดยอาจใช้เจลเย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็งแล้วนำมาประคบ แต่ไม่วางน้ำแข็งไปที่ผิวหนังโดยตรงค่ะ