ถามแพทย์

  • มีความเสี่ยงติดเชื้อ HIV เลยทานยาต้าน ทานยาครบแล้วไปเจาะเลือดตรวจ ผลเป็น negative เชื่อถือได้ไหม

  •  
    สมาชิก
    ตรวจเลือด30วันหลังเสี่ยง โดยมีความเสี่ยงวันที่ 7/12/63 จากนั้นไปขอยาต้านที่กินภายใน 72 ชม. รับประทานครั้งแรก 9/12/63 รับประทานตรงเวลาจนถึงเม็ดสุดท้ายเวลา 18.00น.ของวันที่ 6/1/64 จากนั้นวันที่ 7/1/64 ได้ไปตรวจเลือดที่ ร.พ.ได้ผลตอนบ่ายสอง ผลแจ้งว่า Negative อยากจะสอบถามว่า วิธีการตรวจด้วย lab test Anti-hiv(4th gen.Eclia method) 4th gen.Clia method 100% Sensitivity and 99.5% Specificity ดังนี้ 1. เป็นการตรวจแบบไหน และให้ผลที่แน่นอนไหม 2. ระยะเวลาที่เสี่ยงกับผลที่ได้ และวิธีที่ตรวจ ใช้ได้กับเรื่อง window period ไหม ผลจะคลาดเคลื่อนรึป่าว 3. ต้องตรวจซ้ำ หรือติดตามผลที่แน่นอนไปอีกกี่เดือนครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Baki,

                           หากได้ทานยาต้านไวรัส HIV แบบฉุกเฉิน (Post-exposure Prophylaxis หรือ PEP) ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่ไปมีความเสี่ยงมา และได้ทานยาอย่างต่อเนื่องนาน 28 วัน ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 90% ค่ะ 

                           และเมื่อได้ไปตรวจเลือดหลังจากที่ทานยาครบแล้ว และผลเป็น negative ก็แสดงว่าไม่ได้มีการติดเชื้อ HIV ค่ะ

                            สำหรับวิธีการตรวจที่ระบุว่า "lab test Anti-hiv(4th gen.Eclia method) 4th gen.Clia method 100% Sensitivity and 99.5% Specificity" ก็คือการตรวจเลือดหาการติดเชื้อ HIV ที่เป็น fouth generation ซึ่งเป็นการตรวจหาทั้งแอนติบอดี้ต่อเชื้อ (Anti-HIV) และตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ (p24 antigen) ซึ่งจะมีความเม่นยำ 100% โดยจะเริ่มตรวจหาได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังไปรับเชื้อมา และได้ผลเกือบ 100% ที่ 4 สัปดาห์  

                              ดังนั้น หากได้ตรวจที่เกิน 4 สัปดาห์หลังจากไปมีความเสี่ยงมา ผลที่ได้ก็ถือว่าแน่นอนแล้วค่ะ และไม่จำเป็นต้องไปตรวจซ้ำอีก