ปวดท้องประจำเดือนมาก 1-2วัน จนต้องซื้อยากิน บางครั้งต้องไปฉีดยา ควรทำอย่างไรดี

 สวัสดีค่ะ คุณ Nadear Nadear,

                   อาการปวดประจำเดือน แบ่งออกเป็น

               1. ปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ เป็นการปวดประจำเดือนที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ มักพบในวัยรุ่นและวัยสาว โดยจะมีอาการมากที่สุดในช่วงอายุ 15-25 ปี หลังจากวัยนี้ไปอาการจะค่อย ๆ ลดลง 

                2. ปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ มักจะมีอาการปวดก่อนมีเลือดประจำเดือนมาและยังปวดต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าประจำเดือนจะหยุดหรือหลังประจำเดือนหยุด มักปวดครั้งแรกเมื่อมีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป และไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อน โดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของมดลูกและรังไข่ เช่น

                  - เนื้องอกมดลูก

                  - เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่

                  - ซีสต์ที่รังไข่ โดยเฉพาะช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งเกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ไปที่รังไข่และก่อตัวเป็นถุงน้ำ อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากได้ 

                 - พังผืดในช่องท้อง ซึ่งอาจเกิดจากเคยผ่าตัดในช่องท้องมาก่อน หรือเคยมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานมาก่อน แต่จะทำให้เกิดการดึงจะมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังมากกว่าที่จะปวดตามรอบของประจำเดือน

                  นอกจากนี้อาจเกิดจากการตั้งครรภ์และมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น ท้องนอกมดลูก แท้ง ครรภ์ไข่ปลาอุก เป็นต้น

                  ดังนั้นหากไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนมาก่อนในช่วงวัยรุ่น และอาการปวดเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็น่าจะเป็นอาการปวดชนิดทุติยภูมิ ซึ่งแนะนำให้ไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ แพทย์อาจทำการตรวจภายใน และ/หรืออัลตราซาวด์ช่องท้องน้อยค่ะ  แต่หากไม่เคยมีอาการปวดมาก่อนแลย และมีอาการขาดประจำเดือนหรือประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ แนะนำควรตรวจหาการตั้งครรภ์ด้วยค่ะ

                  สำหรับการบรรเทาปวดในเบื้องต้น เช่น การประคบอุ่นที่ท้องน้อยด้วยกระเป๋าน้ำร้อน การอาบน้ำอุ่น การแช่น้ำอุ่น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดช่วงเอวแน่นเกินไป ทานแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (paracetamol) หรือยาในกลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เช่น พอนสแตน (ponstan) ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เป็นต้น