-
เท้าบวมทั้งสองข้าง จะเป็นอะไรไหมคะ จะเป็นโรคเท้าช้างหรือเปล่าคะ
-
Oct 19, 2017 at 11:45 PM
สวัสดีค่ะคุณหมอ อยู่ดีดีดิฉันรู้สึกว่าเท้าบวมทั้งสองข้าง จะเป็นอะไรมากไหมค่ะ จะเป็นโรคเท้าช้างหรือเปล่าค่ะOct 20, 2017 at 04:45 AM
สวัสดีค่ะ คุณ Marwany Adam,
สาเหตุของการเกิดเท้าบวม ได้แก่
1. การบาดเจ็บที่เท้าหรือหรือข้อเท้า เช่นเกิดการการสะดุดล้ม ข้อเท้าพลิก หรืออาจเกิดจากเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายมากไปก็ได้
2. การอักเสบของข้อเท้า จากโรคข้อเสื่อม หรือโรคเก๊าท์ แต่ต้องมีการปวดข้อเท้าแบบเฉียบพลันและเรื้อรังมาก่อน
3. การอักเสบติดเชื้อของข้อเท้า มักเกิดขึ้นที่เท้าข้างเดียว อาการคือข้อเท้าจะบวมและแดง มีอาการปวดมาก และมีไข้ ปวดเมื่อยตัวร่วมด้วย อาจเกิดจากมีบาดแผลบริเวณเท้าหรือไม่มีก็ได้
4. หลอดเลือดดำเสื่อม จากลิ้นหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ หรือจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ขา ซึ่งมักจะมีขาบวมร่วมด้วย คลำดูบริเวณขาได้ร้อนกว่าปกติ หรือคลำหลอดเลือดได้เป็นเส้นแข็ง หากกระดกเท้าขึ้นจะปวดที่บริเวณน่อง ซึ่งมักมีปัจจัยต่างๆ อยู่ เช่น หลังผ่าตัด ผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว เป็นโรคภูมิแพ้ตนเองชนิดต่างๆ มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
5. น้ำเหลืองคั่งจากท่อน้ำเหลืองอุดตัน ซึ่งมีสาเหตุจาก เช่น โรคเท้าช้าง โรคมะเร็งชนิดต่างๆ เป็นต้น สำหรับโรคเท้าช้างนั้น ก่อนที่จะเกิดอาการบวมของแขนหรือขาให้เห็นนั้น มักมีอาการอักเสบของท่อน้ำเหลืองเรื้อรังเป็นๆ หายๆ มาเป็นปีก่อนค่ะ เช่น จะเห็นเส้นสีแดงๆ ตามผิวหนัง คลำได้แข็งๆ ปวดและกดเจ็บ และมักพบต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้หรือขาหนีบ ดังนั้น หากไม่มีอาการดังกล่าว ก็ไม่น่าเกิดจากโรคเท้าช้างค่ะ
6. มีโรคหัวใจวาย โรคไตเรื้อรัง หรือโรคตับแข็งอยู่
7. การใช้ยาชนิดต่างๆ ได้แก่ ยาฮอร์โมนต่างๆ ซึ่งรวมถึงยาคุมกำเนิดต่างๆ ด้วยค่ะ ยาต้านเศร้า ยาสเตียรอยด์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบได้ในหญิงตั้งครรภ์ค่ะ การยืนนาน นั่งห้อยเท้านาน เดินมาก ก็อาจทำให้เกิดการบวมเล็กน้อยได้ค่ะ และมีบางรายที่ไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนค่ะ
แนะนำให้สังเกตอาการว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ หากมีแค่อาการเท้าบวม ไม่มีอาการปวดใดๆ และอาการบวมเป็นๆ หายๆ ไม่ลามมากขึ้น อาจไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้ามีอาการต่างๆ เช่น มีปวด ผิวหนังบวมแดง อาการบวมค่อยๆ ขยายมากขึ้น มีไข้ มีอาการบวมตรงส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น เปลือกตา ใบหน้า คสรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ
Oct 20, 2017 at 01:00 PM
ขอบคุณมากนะคะคุณหมอOct 20, 2017 at 01:14 PM
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะคุณหมอ จะขอถามอีกเรื่องหนึ่งนะคะ อยากทราบวิธีการรักษาฝ้าที่ลิ้นค่ะ พอจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถรักษาให้หายได้ค่ะOct 21, 2017 at 10:15 AM
ลิ้นที่เป็นฝ้า อาจเกิดจากคราบเศษอาหาร การสะสมของเซลล์ที่ตายแล้วร่วมกับเชื้อราหรือแบคทีเรีย ซึ่งการดูแลคือการทำดูแลความสะอาดในช่องปากให้ดี ได้แก่ การบ้วนปากหรือแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหาร รวมถึงการแปรงลิ้นด้วย อาจใช้น้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากในการบ้วนปาก
หากฝ้ายังไม่หายหรือไม่ดีขึ้น อาจเกิดจาก
- การติดเชื้อรา ซึ่งจะพบในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ มักมีอาการเจ็บลิ้นและแสบร่วมด้วย
- เป็นลิ้นลายแผนที่ (Geographic Tongue) ซึ่งไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด เกิดจากตุ่มรับรสเล็กๆ ของลิ้นหายไปเป็นบางจุด ทำให้ดูคล้ายแผนที่
- โรคฝ้าขาว (Leukoplakia) เกิดจากการผลิตเซลล์จำนวนมาก จนเกิดเป็นรอยสีขาวปรากฏบนเนื้อลิ้น อาจเป็นผลจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปร่วมกับการสูบบุหรี่
- ระยะก่อนเป็นมะเร็งและมะเร็งของลิ้น
Oct 28, 2017 at 10:02 AM
ค่ะ คุณหมอ ขอขอบพระคุณค่ะ อยากทราบว่า อาการคันรูทวารน่าจะเป็นพยาธิเส้นดาย มีโอกาสหายเองไหมค่ะ คือมันจะเป็นนานๆครั้งค่ะ เป็นปี และหลายๆเดือนต่อมาอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วอยากทราบว่าพยาธิเส้นดายจะคันเฉพาะกลางคืนหรือค่ะ ทำไมคันตลอดเลยค่ะ พอแควกไปที่รูทวร เห็นอะไรขาวๆเล็กๆ ทั้งแสบ คันตลอดเลยค่ะ -
ถามแพทย์
-
เท้าบวมทั้งสองข้าง จะเป็นอะไรไหมคะ จะเป็นโรคเท้าช้างหรือเปล่าคะ