ถามแพทย์

  • สอบถามการตรวจหลังเสี่ยงhiv

  •  ฟิว
    สมาชิก
    มีความเสี่ยงจากการซื้อบริการเมื่อ เลยตรวจหลังเสี่ยงที่โรงบาลรัฐทั่วไปครับ ครั้งแรกที่1เดือน ครั้งที่สอง3 เดือน ครั้งสุดท้าย 5เดือนครับ ผลออกมาเป็นลบ. ตรวจแบบ Anti-hiv ครับ แต่ตอนนี้เข้าเดือนที่6 มีอาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบตรงใต้รักแร้แขนซ้าย กับข้อพับแขนซ้าย ไม่ทราบว่าเปนอาการของ HIV. หรือไม่ครับ

     สวัสดีคะคุณฟิว

    การที่มีเรื่องของต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้โตอาจะใช่หรือไม่ใช่เรื่องของการติดเชื้อ เอส ไอ วี ก็ได้ค่ะ

    เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองที่โตอาจจะเกิดจากการอักเสบ ซึ่งการติดเชื้อผิวหนังบริเวณแขน ก็คอ ก็อาจจะมาด้วยเรื่องต่อมน้ำเหลืองโตได้ค่ะ

    ดังนั้นต้องหาสาเหตุก่อนค่ะ 

    ส่วนใหญ่ถ้าไปพบแพทย์อาจจะให้ยาฆ่าเชื้อดูก่อนค่ะ ว่าต่อมน้ำเหลืองยุบหรือไม่ ถ้าไม่อาจจะต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจค่ะ

    การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือ วัณโรคก็เป็นได้ทั้งหมดค่ะ 

     

    โรคทางเพศสัมพันธ์ หรือ การติดเชื้อ Sexual transmitted  diseases (STD) ซึ่งการติดเชื้อ เอช ไอ วี ก็จัดอยู่ในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ เราจะมาเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณกังวลก่อนนะค่ะ คือ เรื่องการเชื้อ เอช ไอ วี เชื้อ เอช ไอ วี คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคที่เรียกว่าเอดส์ เชื้อนี้รักษาไม่หาย แต่มียาที่ใช้รักษาได้ค่ะ แต่จะไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดได้ค่ะ เพราะเชื้อจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เรียกว่า ซีดี 4 (CD4 T cell)  ทำให้ร่างกายไม่สามารถที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอื่นๆ ได้ แต่ปัจจุบันนี้มียาต้านไวรัสที่ดีค่ะ สามารถทำให้ระดับของ ซีดี 4 ไม่ลดต่ำลงได้ และทำให้จำนวนไวรัสลดลงได้ค่ะ

    ส่วนสิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องทราบก่อนว่า คุณควรที่จะได้พบแพทย์เมื่อไหร่เพื่อตรวจว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่

    ก่อนอื่นเราต้องทำการตรวจระยะแรกก่อน ซึ่งเป็นการตรวจ ที่เรียกว่าการตรวจควบคู่ ระหว่าง HIV antibody และ HIV antigen  คือการตรวจหาภูมิคุ้มกันและตัวเชื้อควบคู่กัน การตรวจนี้ในคนส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากสัมผัสเชื้อ

    แต่ถ้าตรวจเฉพาะ HIV antibody testing ตรวจได้ทั้งจากเลือดและจากน้ำลาย ส่วนใหญ่จะตรวจพบ หลังการสัมผัสเชื้อ ภายในระยะเวลา 3-12 สัปดาห์

    หรืออาจจะตรวจ p24 antigen ซึ่งตรวจน้อย และการแปลผลอาจถูกรบกวนได้ด้วยตัวแปรอื่น

    ถ้าการตรวจข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลบวก จะต้องมีการตรวจครั้งที่สอง เพื่อยืนยัน โดยการตรวจภูมิคุ้มก้น ซึ่งแตกต่างจากการตรวจแรกถ้าให้ผลบวกอีกครั้ง ให้ตรวจครั้งที่สาม เพื่อจำนวย ไวรัส ซึ่งเรียกว่า HIV RNA test ซึ่งสามารถตรวจหาได้ภายใน 1-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ

    ลักษณะอาการที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการติดเชื้อไวรัส เอช ไอ วี แบ่งเป็น 3 ระยะ

    ระยะแรก เรียกว่า การติดเชื้อระยะแรก ( acute HIV infection stage ) ซึ่งระยะนี้ อาการจะเกิดขึ้นได้ ภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะอาการจะมีลักษณะเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป จะมาด้วยอาการไข้ ปวดตามตัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามข้อ ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งในกรณีของคุณหมอขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน ในระยะนี้ไวรัสจะมีจำนวนมากดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ควรใช้สารเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

    ระยะต่อมา จะเป็นระยะที่ไวรัสเริ่มจะอาศัยอยู่ในตัวคนไข้ แต่จะไม่แสดงอาการอะไร เรียกว่า clinical latency stage ซึ่งคือจำนวนไวรัสอาจจะไม่ได้มีมากและระยะนี้อาจยาวนานได้ถึง 10 ปี แต่ระยะยังมีการแพร่กระจายของโรคได้

     

    ระยะสุดท้ายระยะที่เรียกว่า เอดส์ (AIDS)  ซึ่งระยะนี้ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำมากทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ขึ้นอยู่กับจำนวน CD 4 ที่เหลืออยู่