ถามแพทย์

  • อาการปวดศีรษะตุ้บๆที่ขมับสองข้าง สลับกันไป ปวดร้าวมาที่ท้ายทอย และไหล่และรอบดวงตาร่วมด้วย เป็นมาเกือบปีแล้ว เกิดจากอะไร

  •  Tang-May Aissaree
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูอายุ 14 ปี มีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง ตอนนี้กำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นไมเกรนหรือเป็นโรคอะไรคะ บางครั้งมีอาการปวดตุบๆ ที่ขมับทั้งสองข้าง บางวันก็ข้างเดียวผสมกันไป จะลามไปถึงปวดต้นคอบริเวณท้ายทอย กล้ามเนื้อไหล่และกล้ามเนื้อรอบๆ ดวงตาด้วยค่ะ ถ้าเคลื่อนไหวร่างกายเร็วๆ หรือก้มๆ เงยๆ และเดินขึ้นบันได จะรู้สึกแว๊บๆ วูบๆ ตาลายค่ะ มีอาการง่วงนอน หาวบ่อย 1-2 นาที หาวเป็นสิบเลยค่ะ //หรือเพราะง่วงหว่าาา ปัสสาวะแทบทุกชั่วโมง ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินน้ำ บางทีจะมีอาการกระหายน้ำร่วมด้วยค่ะ แต่ไม่บ่อย เคยเห็นแสงลายจุดค่ะ แต่ไม่กี่นาทีมันก็หายไป รู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่อยากขยับตัวค่ะ เพราะขยับทีก็รู้สึกเมื่อยไปหมด ขนาดหิวยังไม่อยากกินเลยค่ะ เพราะอ้าปากเคี้ยวแต่ละทีนี่เมื่อยมาก เวลาปวดหัวจะรำคาญเสียงรอบตัวมากๆ โดยเฉพาะเสียงคุยค่ะ แม้แต่เสียงพัดลม หรือเสียงรถยนต์ บางครั้ง อาการปวดก็อยู่นานถึง3-6ชั่วโมงค่ะ แล้วแต่วัน ทานพาราฯ ทุกครั้งที่ปวดค่ะ ครั้งละ 1 เม็ด และไม่เคยทานซ้ำเมื่อไม่หายปวดค่ะ ทานตามสรรพคุณหน้ากระปุกค่ะ แต่ก็เริ่มกลัวไตพังแล้วค่ะ อาการปวดแต่ละสัปดาห์ เฉลี่ยแล้วประมาณ 2-5 ครั้งค่ะ เป็นมาเกือบๆ ปีแล้วค่ะ
    Tang-May Aissaree  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Tang-May Aissaree

    อาการปวดศีรษะตุ้บๆที่ขมับสองข้าง สลับกันไป ปวดร้าวมาที่ท้ายทอย และไหล่และรอบดวงตาร่วมด้วยนั้น อาจจะเกิดมาจาก ปวดจากกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นรอบศีรษะมีการตึงตัวจากการใช้งานมากเกินไป หรือการใช้งานแบบเกร็งผิดท่าอยู่นานๆ สาเหตุอื่นๆเช่น ปวดไมเกรน มักปวดมากข้างเดียว มีอาการตาพร่า เห็นแสงวาบก่อนมีอาการ มีคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วยได้ หรือปวดจากสาเหตุในสมองเช่นการมีเนื้องอกของเลือดออกในสมอง มักปวดมากเฉียบพลัน และมีอุบัติเหตุที่ศีรษะนำมาก่อนได้

    ดังนั้นจากที่กล่าวมาเบื้องต้น อาจจะนึกถึงสาเหตุเรื่องปวดจากกล้ามเนื้อตึงตัวได้มากที่สุด จากลักษณะการปวดและตำแหน่ง เบื้องต้นควรพักการใช้งาน พักการเกร็งกล้ามเนื้อที่ศีรษะและคอ ฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อบ่อยๆ รับประทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการได้เมื่อปวดมาก

    แต่หากมีอาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ กินยาไม่ค่อยทุเลา หรือกลับมาปวดซ้ำบ่อยๆดังกล่าวมานั้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายทางระบบประสาทเพิ่มเติมให้ได้การวินิจฉัยที่แน่ชัดต่อไป หากตรวจร่างกายยังบอกไม่ได้ ก็อาจมีการตรวจเพิ่มเติมเช่นตรวจเลือดหรือเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์กรณีมีความผิดปกติทางระบบประสาทใดๆค่ะ