ถามแพทย์ กลับไปที่ชุมชนถามตอบ หยุดทานยาคุม 87654 สมาชิก Jun 21, 2018 at 09:18 PM โดยปกติเป็นคนที่มีรอบเดือน 35-40 วันกว่าเมนจะมา หมอแนะนำให้กินยาคุม เลยกินยาคุมแบบ 21 เม็ด มาประมาณ 1 ปีกว่าๆ แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมทานยาเม็ดสุดท้ายจนหมดแผง แล้วประจำเดือนมาวันสุดท้ายวันที่ 20 พค. หลังจากนั้นจึงหยุดยาไม่ได้เริ่มแผงใหม่ และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ใดๆเลยตั้งแต่หยุดกินยาคุม ตอนนี้วันที่ 21 มิย. แล้ว ประจำเดือนยังไม่มา เกิดจากอะไรคะ แล้วเป็นตกขาวเยอะมาก เป็นมาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ไม่หายเลยคะ แพทย์หญิงสลิล ศิริอุดมภาส สมาชิก Jun 22, 2018 at 06:21 AM สวัสดีค่ะ คุณ 87654, โดยปกติเมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ประจำเดือนที่เป็นผลจากยาก็จะมาเป็นปกติ หลังจากนั้น การทำงานของรังไข่และหารตกไข่จะเริ่มกลับมาภายใน 2-3 สัปดาห์ และประจำเดือนก็จะมาภายใน 4-5 สัปดาห์ การที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจาก 1. การทำงานของรังไข่และการตกไข่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ โดยเฉพาะหากก่อนที่จะเริ่มทานยาคุมกำเนิด มีระยะห่างระหว่างรอบประจำเดือนนานถึง 35-40 วันดังกล่าว 2. การมีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว จะทำให้รังไข่กลับมาทำงานช้ากว่าปกติได้ หากหลังจากหยุดทานยาคุมแล้ว ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก ก็จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ดังนั้นแนะนำให้รอประจำเดือนไปอีกซักระยะค่ะ หากประจำเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือน จึงควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ เช่น มีภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ มีพังผืดในมดลูก เป็นต้น สำหรับตกขาวที่เป็นอยู่ หากตกขาวไม่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ไม่มีคันหรือแสบช่องคลอด ไม่มีปวดท้องน้อย ก็ถือว่าเป็นตกขาวที่ปกติ แต่หากมีลักษณะตามที่บอกไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ เช่น มีการติดเชื้อต่างๆ ในช่องคลอด Share: กลับไปที่ชุมชนถามตอบ