ถามแพทย์

  • กินยาคุมฉุกเฉินวันที่ 7 พ.ย.แล้ววันที่ 11 พ.ย. มีเลือดออก หลังจากนั้นมีเพศสัมพันธ์อีก แล้วมีอาการปัสสาวะผิดปกติ จะท้องไหม

  •  sathida onraksa
    สมาชิก
    มีเซ็กส์และได้กินยาคุมฉุกเฉินไปมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนแต่ไม่มากหมอบอกว่าอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมประจำเดือนจะมาช้ากว่าที่เคยมาคือมีประจำเดือนวันที่1-6/11 มีเซ็กส์วันที่7/11 และในวันที่11/11มีเลือคล้ายประจำเดือนและหมอบอกว่าประจำเดือนจะมาอีกทีประมาณวันที่11/12หรือช้ากว่านั้นและในช่วงระยะเวลาที่ประจำเดือนยังไม่มามีเซ็กส์อีกวันที่19,23,27มีโอกาสเสี่ยงที่จะท้องไหม และเมื่อหลังจากมีเซ็กส์วันที่27 มีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะเสร็จแล้วเจ็บ ปวดหน่วงบริเวณน้องสาวขึ้นมาท้องน้อย และปวดหลัง และได้กินยาคุมแบบ28เม็ด ปัสสาวะสีขุ่นและมีกลิ่นยาด้วยค่ะ มีโอกาสท้องมั้ยคะ กินยาคุมแบบแผงครั้งแรก กินวันที่27 หลังจากมีเพศสัมพันธ์ประมาณ4-6ชม. เสี่ยงท้องมั้ยคะ #ถามกลับทีค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ sathida onraksa,

                       หากทานยาคุมฉุกเฉินไปในวันที่ 7 พ.ย. แล้วได้มีเลือดออกในวันที่ 11 พ.ย. ก็น่าจะเป็นเลือดที่เกิดจากผลข้างเคียงของยา ไม่ใช่ประจำเดือน เพราะประจำเดือนเพิ่งมาไปในวันที่ 1 พ.ย. 

                        ส่วนการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 19, 23 และ 27 พ.ย. หากไม่ได้ป้องกัน ก็ย่อมมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ ทั้งนี้ การเริ่มทานยาคุมกำเนิดแผงแรกในวัรที่ 27 พ.ย. จะยังไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ เพราะโดยปกติ ต้องทานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ดังนั้น หลังจากนี้ไปประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูเพื่อให้แน่นอนด้วยค่ะ

                        สำหรับอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแล้วเจ็บ ปวดหน่วงท้องน้อย ปวดหลัง อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ซึ่งสาเหตุของเชื้อ ได้แก่

                      - เชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ มักเกิดตามหลังการกลั้นปัสสาวะหรือดื่มน้ำน้อย รวมถึงหลังการมีเพศสัมพันธ์ 

                      - เชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม ซึ่งนอกจากอาการปัสสาวะที่ผิดปกติแล้ว จะมีตกขาวที่ผิดปกติ และอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย รวมถึงอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

                       ทั้งนี้ หากอาการเป็นตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. และยังไม่หายไป แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ ในเบื้องต้น ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกมา หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ ไม่กลั้นปัสสาวะ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราว และหากฝ่ายชายมีอาการผิดปกติด้วย เช่น มีปัสสาวะขัด มีมูกหรือหนองไหลจากอวัยวะเพศ เจ็บอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรไปรักษาพร้อมกันด้วยค่ะ