หูอื้อมาหลายวันแล้ว ไปหาหมอ พบในหูอาการบวมแดง ให้ยามาทาน ดีขึ้นแล้วเป็นอีก เป็นคนชอบเคาะหู ชอบใส่หูฟังเปิดเสียงดัง

สวัสดีค่ะ คุณ Prapatsorn Chuin,

                อาการหูอื้อ หรือเสียงในหู (tinnitus)  หมายถึง การได้ยินลดลง หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดหูอยู่ หรือรู้สึกมีเสียงดังในหู ซึ่งอาจเป็นเสียงแหลม วี๊ดๆ คล้ายมีแมลงบินในหู หรือเสียงหึ่งๆ หรือเสียงตุบๆ ตามจังหวะชีพจร หรือแม้แต้เสียงการกลืนอาหาร หรือเสียงลมหายใจ เสียงที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงชั่วคราวหรือเป็นอย่างต่อเนื่องและอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียวหรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ในผู้ป่วยบางราย เสียงอาจดังมากจนไปรบกวนและทำให้ขาดสมาธิหรือการได้ยินเสียง

               สาเหตุของอาการหูอื้อ มีมากมาย ได้แก่ มีขี้หูมากเกินไป โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน สิ่งแปลกปลอมหรือแมลงเข้าหู หูอื้อที่เกิดหลังจากเป็นหวัด หูชั้นกลางอักเสบ การติดเชื้อซิฟิลิสหรือไวรัสที่ทำให้หูชั้นในอักเสบ อาการหูอื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ หรือสูบบุหรี่ หูอื้ออาจเกิดจากประสาทหูเสื่อมในผู้สูงอายุหรือจากการฟังเสียงดังบ่อยๆ อย่างที่คุณ  Prapatsorn Chuin ทำอยู่ก็ได้ค่ะ

              หากมีหูอื้อเป็น ๆ หาย ๆ หรือหูอื้อแบบได้ยินเสียงภายในร่างกายชัดกว่าปกติ อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ หากมีอาการหูอื้อแบบรู้สึกตุบๆ อาจเกิดจากมีเนื้องอกในช่องหู นอกจากนี้อาจเกิดจากภาวะเครียด วิตกกังวล อารมณ์ซึมเศร้า หรือเกิดจากนอนไม่หลับ การใช้ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู เช่น ยาต้านมาลาเรียคลอโรควิน ยาปฏิชีวนะอิริโทรไมซิน ยาเคมีบำบัดรักษามะเร็งบางชนิด เป็นต้น

              การใช้ที่แคะหู อาจเกิดการการบาดเจ็บต่อเยื่อบุรูหูชั้นนอก และเกิดการอักเสบตามมา ซึ่งก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หูอื้อได้เช่นเดียวกันค่ะ

              แนะนำให้งดการใช้หูฟังที่เปิดเสียงดังค่ะ ควรเปิดแค่เบาๆ พอได้ยินชัดเจน หลีกเลี่ยงการแคะหูบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ หากอาการหูอื้อยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางโรคหู-คอ-จมูก อีกครั้งค่ะ