-
หูอื้อมาร่วมเดือนแล้ว กินยาแล้วไม่ดีขึ้น จะเป็นอะไรไหม
-
Jan 02, 2020 at 10:35 AM
หูอื้อมาเป็นระยะเวลาร่วมเดือนแล้ว โดยจะเป็นตอนตื่นนอนแล้วจะเป็นไปตลอดทั้งวันแต่ไม่มีอาการปวดแค่รู้สึกมีอะไรมาอุดหู โดยช่วงตื่นนอนจะอื้อหนักมากๆแต่เมื่อผ่านไปสักพักจะอื้อน้อยลง แล้วเมื่อดึงใบหูจะหายอื้อ แต่หากปล่อยก็จะกลับมาอื้ออีก เคยกินยาแก้หูอื้อจากร้านขายยาไปอาการดีขึ้นไม่มีอาการหูอื้อ3-5วันหลังจากนั้นก็กลับมาอื้ออีก ตอนนี้จะไปพบแพทย์ที่คลินิคหาดไปดีขึ้นจะไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์เฉพาะทาง พอจะช่วยสันนิฐานได้ไหมครับว่าเป็นอะไรกลัวเป็นอะไรหนักๆJan 02, 2020 at 11:26 AM
สวัสดีค่ะ คุณ Champ Srp,
อาการหูอื้อ หรือมีเสียงในหู (tinnitus) หมายถึง การได้ยินเสียงลดลง ความคมชัดของเสียงลดลง หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดหูอยู่ หรือรู้สึกมีเสียงดังในหู ซึ่งอาจเป็นเสียงแหลม วี๊ดๆ คล้ายมีแมลงบินในหู หรือเสียงหึ่งๆ หรือเสียงตุบๆ ตามจังหวะชีพจร หรือเสียงลมหายใจ เสียงที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงชั่วคราวหรือเป็นอย่างต่อเนื่อง และอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียวหรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง
สาเหตุของอาการหูอื้อ อาจเแบ่งตามเสียงที่ได้ยินดังนี้
- เสียงแหลมวี้ด ๆ เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน จากอายุที่มากขึ้น หรือจากการได้ยินเสียงดังเป็นเวลานาน ๆ หรือจากการได้ยินเสียงดังมาก ๆ ในทันที เช่น เสียงระเบิด การใช้ยาบางอย่างที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู เช่น ยาต้านมาลาเรียคลอโรควิน ยาปฏิชีวนะอิริโทรไมซิน ยาเคมีบำบัดรักษามะเร็งบางชนิด เป็นต้น หรือเกิดจากมีเนื้องอกของเส้นประสาทหู
- เสียงหึ่ง ๆ อื้อ ๆ มักเกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ร่วมกับอาการเวียนหัวบ้านหมุนและการได้ยินลดลง
- เสียงลม หรือได้ยินเสียงของร่างกายชัดกว่าปกติ เกิดจากการทำงานของท่อปรับความดันหูผิดปกติ เช่น เป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้ท่อปรับความดันหู (eustachian tube) บวมและถ่ายเทอากาศไม่ได้ อาการมักเป็นๆหายๆ มักเป็นมากเวลาขึ้นที่สูง ขึ้นเครื่องบิน หรือดำน้ำ หรืออาจเกิดจากเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก
- เสียงก้องในหู เกิดจากการมีน้ำขังในหูชั้นกลาง
- เสียงตุบ ๆ หรือเสียงฟู่ ๆ ที่ดังตามจังหวะการเต้นของชีพจร อาจเกิดจากเนื้องอกในช่องหู หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะบางอย่างที่ทำให้เลือดในร่างกายเพิ่มขึ้นและหัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้นจนส่งผลให้เกิดเสียงดังในหู เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ, หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ หัวใจรั่ว เป็นต้น
สาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ ได้แก่ การมีขี้หูอุดตัน การดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ โกโก้ สิ่งแปลกปลอมหรือแมลงเข้าหู หูอื้อที่เกิดหลังจากเป็นหวัด นอกจากนี้อาจเกิดจากภาวะเครียด วิตกกังวล อารมณ์ซึมเศร้า หรือเกิดจากนอนไม่หลับ เป็นต้น
แนะนำให้ลองสังเกตอาการว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมกับการที่ได้ยินเสียงผิดปกติในหู หรือได้ยินเสียงลดลงหรือไม่ เช่น ปวดหู มีไข้ เวียนหัวบ้านหมุน หากมีอาการดังกล่าว หรืออาการเป็นติดต่อนานเกิน 1 สัปดาห์ หรืออาการเป็นมากจนรบกวนการทำงาน แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางหู-คอ-จมูกเพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ
-
ถามแพทย์
-
หูอื้อมาร่วมเดือนแล้ว กินยาแล้วไม่ดีขึ้น จะเป็นอะไรไหม