ถามแพทย์

  • มีน้ำใสออกมาจากอวัยวะเพศ ปัสสาวะไม่เจ็บเป็นหนองในไหมครับ แล้วแตกต่างกันอย่างไรระหว่างหนองในแท้กับหนองในเทียม

  •  Sakkamon Sarnsri
    สมาชิก
    มีอาการเหมือนหนองหรือน้ำใสๆไหลออกจากอวัยวะเพสอะครับ แต่ตอนปัสวะไม่เจ้บครับ แต่เหมือนปัสวะค้างที่โคนคับ อาการน่าจะเป้นหนองในแท้หรือเทียมครับควรรักษาอย่างไร

     สวัสดีคะคุณ Sakkamon Sarnsri

    ก่อนอื่นคงต้องถามเรื่องประวัติความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือ มีเพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงค่ะ และ จริงๆ อาจจะมีเรื่องของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวก็ได้ค่ะ

    อาจจะต้องตรวจดูก่อนค่ะ 

    แต่อย่างไรก็ตามสามารถเรียนให้ทราบเรื่องของหนองในแท้หรือเทียมได้ค่ะ

    โรคหนองใน ที่เข้าใจกันมี สองแบบค่ะ

    คือ

    1. Gonorrhea

    2. shyphilis

    ซึ่งทั้งสองโรคเป็นโรคการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ แต่ว่าเชื้อคนละตัวกันค่ะ

    การรักษาก็จะมีความแตกต่างกันค่ะ

    Gonorrhea: เป็นการติดเชื้อที่มีแบคทีเรียชื่อ  

    Neisseria gonorrhoeae bacteria ทำให้เกิดโรคค่ะ ซึ่งในเพศชายจะมาด้วยเรื่องของมีปัสสาวะเป็นหนองหรือมีหนองไหลออกมาจากท่อทางเดินปัสสาวะค่ะ

    อาการเริ่มต้น

    • มีหนองไหลออกมาทางท่อทางเดินปัสสาะหรือช่องคลอด

    • มีอาการปวดคันเวลาปัสสาวะ

    • มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมามากและปวด

    • มีอาการปวดที่ลูกอัณฑะ

    • มีอาการปวดเวลาอุจจาระ

    • คันรอบๆ ทวารหนัก

      การรักษา

      ceftriaxone or cefixime ด้วยการฉีด หรือ ใช้ยา azithromycin chlamydia infection ซึ่งมักจะเกิดร่วมกันนค่ะ

      ปกติยากินแนะนำให้กินหลังอาหารหรือพร้อมอาหารค่ะ เนื่องจากอาจจะมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ค่ะ

       

      Syphilis เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีเชื้อ bacterium Treponema pallidum เป็นตัวก่อโรคค่ะ

      อาการจะแบ่งออกมาเป็นสี่ระยะค่ะ

      1. primary Syphilis

      2. secondary Syphilis

      3. latent Syphilis

      4. tertiary Syphilis

      เริ่มแรกจะมาด้วยเรื่องแผลที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะไม่มีอาการปวด คนไข้อาจจะไม่รู้ว่ามีการติดเชื้อ แผลที่เกิดขึ้นมักจะเกิดหลังการติดเชื้อหนึ่งอาทิตย์ค่ะมีผื่นตามตัว

      ต่อมาจะเข้าสู่ระยะที่สองถ้าไม่ได้รับการรักษาคือ จะมีการของต่อมน้ำเหลืองโต ร่วมกับไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาการอาจจะเป็นแค่สองสามสัปดาห์

      ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะที่ไม่มีอาการและถ้ายังไม่ได้รับการรักษาอีกจะเข้าสู่ระยะที่สี่ซึ่งจะเชื้อจะมีผลต่อระบบประสาทและสมอง ตา หัวใจและหลอดเลือด และตับได้ค่ะ ปัญหาอาจจะเกิดตามหลังมาได้เป็นปีถ้าไม่ได้รับการรักษาค่ะ

      การตรวจสามารถพบได้ในเลือด หรือ น้ำไขสันหลังค่ะ

      การรักษา

      penicillin  เป็นยาหลักที่ใช้ค่ะ ซึ่งจะต้องได้รับการฉีด อาจจะ หนึ่งครัั้ง หรือ ฉีดต่อกันสามครั้ง ครั้งละหนึ่งเข็มเป็นเวลาสามสัปดาห์

      ถ้าไม่สามารถใช้ยาได้ อาจจะพิจารณายา doxycline 100 mg รับประทานหนึ่งเม็ดสองเวลาติดต่อกัน สองสัปดาห์

      แนะนำตรวจเลือดซ้ำ สามเดือนหลังการรักษา

      และนอกจากนี้อาจจะต้องตรวจเลือดตรวจเรื่องการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่น เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซึ เอส ไอ วี

      ร่วมด้วยค่ะ

      แนะนำพบแพทย์ค่ะ