ถามแพทย์

  • มีอาการกลัว แม้ว่าเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัวมา 4-5 วันเเล้ว รู้สึกใจเต้นแรง ชาไปหมด เกิดจากโรคแพนิคไหม

  •  AkatsukiZQ
    สมาชิก
    ผมเป็นคนที่ชอบคิดมากอยู่เเล้ว เเล้ววันนึงผมไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นมาทำให้ผมกลัวมากๆเลยครับเเต่พอผ่านไป4-5 วันเเล้วผมก็รู้สึกไม่ค่อยกลัวมันเเล้วเเต่ว่าหลังจากนั้นเวลาผมอยู่คนเดียวในห้องหรือไม่ได้คิดอะไรเลย ผมจะรู้สึกใจเต้นเเรง ตัวสั่น ชา ไปหมดเลยครับพึ่งเป็นมาไม่นานนี้เองอยากทราบว่าอาการเเบบนี้ผมสามารถรักษาได้ไหมครับหรือผมเป็นโรคเเพนิคหรือป่าวครับ
    AkatsukiZQ  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ AkatsukiZQ

    อาการกลัว รู้สึกใจเต้นแรง ชาไปหมดนั้น อาจจะเกิดจาก ความกลัวที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราว กลัวจากโรควิตกกังวล โรคแพนิค หรือเป็นภาวะความบอบช้ำทางจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงในชีวิต

    แพนิคเป็นภาวะที่ใช้เรียกอาการตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ใดๆมากจนเกินไป ทำให้มีอาการทางกายจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่มากผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็ว แน่นอก หายใจไม่ออก ขยับร่างกายไม่ได้ชั่วคราว เหงื่ออกมาก ร้อนวูบวาบ วิตกกังวลกับเหตุการณ์ใดๆมากจนเกินไป

    ซึ่งจัดเป็นความผิดปกติทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ควรได้รับการตรวจประเมินโดยแพทย์และรับยาหรือการทำจิตบำบัดภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นถ้ายังมีอาการเป็นอยู่ต่อเนื่อง มีความรู้สึกเหมือนอยากจะตายร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม ในเบื้องต้นต้องตั้งสติว่าเหตุการณ์นี้จริงๆแล้วไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตของเรา ไม่จำเป็นต้องมีความหวาดกลัวจนเกินไป อาจพูดคุยระบายความรู้สึกให้คนที่ไว้ใจได้ฟัง

    AkatsukiZQ  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ AkatsukiZQ

    อาการกลัว รู้สึกใจเต้นแรง ชาไปหมดนั้น อาจจะเกิดจาก ความกลัวที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราว กลัวจากโรควิตกกังวล โรคแพนิค หรือเป็นภาวะความบอบช้ำทางจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงในชีวิต

    แพนิคเป็นภาวะที่ใช้เรียกอาการตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ใดๆมากจนเกินไป ทำให้มีอาการทางกายจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่มากผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็ว แน่นอก หายใจไม่ออก ขยับร่างกายไม่ได้ชั่วคราว เหงื่ออกมาก ร้อนวูบวาบ วิตกกังวลกับเหตุการณ์ใดๆมากจนเกินไป

    ซึ่งจัดเป็นความผิดปกติทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ควรได้รับการตรวจประเมินโดยแพทย์และรับยาหรือการทำจิตบำบัดภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นถ้ายังมีอาการเป็นอยู่ต่อเนื่อง มีความรู้สึกเหมือนอยากจะตายร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม ในเบื้องต้นต้องตั้งสติว่าเหตุการณ์นี้จริงๆแล้วไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตของเรา ไม่จำเป็นต้องมีความหวาดกลัวจนเกินไป อาจพูดคุยระบายความรู้สึกให้คนที่ไว้ใจได้ฟัง