ผ่าตัดกระเพาะรั่วมาเกือบ 2 เดือน แต่รู้สึกเจ็บท้องด้านใน เป็นเพราะอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ Kkun15,

                   อาการปวดท้อง เกิดได้จากหลายสาเหตุ แบ่งตำแหน่งออกได้เป็น

                    1. ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน สาเหตุ ได้แก่

                             - ตับอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ มักจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองร่วมด้วย และอาจมีไข้ร่วมด้วย

                             - นิ่วในถุงน้ำดี จะทำให้ปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อาการปวดท้องมักเกิดขึ้นหลังจากที่รับประทานอาหารมัน ๆ หรือรับประทานอาหารมื้อหนัก หรือตอนกลางคืน

                            - การอักเสบของลำไส้ส่วนที่อยู่บริเวณช่องท้องขวาด้านบน มักมีท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

                     2. ปวดท้องบริเวณด้านขวาล่าง สาเหตุ ได้แก่

                            - ไส้ติ่งอักเสบ อาการปวดจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง อาการปวดจะเป็นต่อเนื่องตลอดเวลา ร่วมกับมีไข้ และอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูกหรือท้องเสีย หรือท้องอืด เป็นต้น

                           -  ลำไส้ส่วนที่อยู่ช่องท้องด้านขวาล่างอักเสบ

                           - ปีกมดลูกอักเสบ ท้องนอกมดลูก

                     3. ปวดท้องบริเวณด้านซ้ายบน สาเหตุ ได้แก่ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล กรดไหลย้อน

                     4.  ปวดท้องบริเวณด้านซ้ายล่าง สาเหตุ ได้แก่

                          - ลำไส้ส่วนที่อยู่ช่องท้องด้านซ้ายล่างอักเสบ

                          - ถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ อาการจะคล้ายกับไส้ติ่งอักเสบ แต่อาการปวดจะอยู่ทางด้านซ้ายแทน

                          - ปีกมดลูกอักเสบ ท้องนอกมดลูก

                   5. หากปวดบริเวณตรงกลางท้องน้อย อาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มดลูกอักเสบ เป็นต้น

                     ดังนั้น อาการปวดท้อง อาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหารก็ได้ หากเกี่ยวข้อง ก็อาจเกิดจากมีกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล หรือแผลที่ผ่าตัดเกิดการทะลุ

                     หากปวดไม่รุนแรง และยังไม่มีอาการอื่นๆ ร่วม แนะนำควรสังเกตอาการไปก่อน ในระหว่างนี้ ก็ควรทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานอาหารปริมาณมาก ไม่ดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เป็นต้น หากอาการยังไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ อีก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาค่ะ