เป็นไซนัสมานานแล้ว มีปวดตา โหนกแก้ม มีน้ำมูกสีเขียว มีกลิ่น ตอนนี้ไม่ปวด แต่แน่นจมูก มีกลิ่นเหม็น

สวัสดีค่ะ คุณ R'Non Wongsuwan,

                   ไซนัสอักเสบ แบ่งออกเป็น

                  - ไซนัสเฉียบพลัน อาการคือปวดหน่วงๆ ตามบริเวณไซนัสอักเสบ เช่น หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ ดวงตา  ปวดศีรษะ  มักเป็นมากช่วงเช้าหรือบ่าย โดยเฉพาะเมื่อก้มศีรษะ หรือเปลี่ยนท่า มีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเขียวหรือเหลือง เวลาสูดจมูกแรงๆ รู้สึกน้ำมูกไหลลงคอ  มีเสมหะในคอ คัดแน่นจมูก  หายใจมีกลิ่นเหม็นคาว ปวดหู หูอื้อ  มีไข้ อ่อนเพลีย หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการก็จะหายภายใน  3 สัปดาห์ และเป็นน้อยกว่าปีละ 4 ครั้ง

                  - ไซนัสอักเสบเรื้อรัง คือมีอาการของไซนัสอักเสบที่เรื้อรังนานกว่า 12 สัปดาห์ และเป็นมากกว่าปีละ 4 ครั้ง   

                   าำหรับการรักษา ได้แก่

                  - การทานยาปฏิชีวนะ สำหรับกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนกรณีที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่หากไซนัสอักเสบเกิดจากเชื้อราซึ่งพบน้อยมาก กรณีนี้ต้องใช้กระบวนการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเชื้อราออก

                  - การทานยาแก้แพ้ เพื่อลดภาวะภูมิแพ้ที่ส่งผลให้เกิดไซนัสอักเสบได้

                 - การใช้ยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ช่วยลดอาการบวมของเนื้อเยื่อ

                 - ยาลดน้ำมูก ช่วยให้หลอดเลือดในเนื้อเยื่อจมูกชั้นในหดตัว ส่งผลให้อาหารคัดจมูกและน้ำมูกไหลน้อยลง 

                - ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อล้างเมือกจากโพรงจมูกและไซนัส

                - การรักษาโดยการผ่าตัด

                 ดังนั้น หากมีอาการของไซนัสอักเสบ คือมีปวดตา ปวดโหนกแก้ม มีน้ำมูกไหลสีเขียวมีกลิ่น ไหลลงคอ แน่นจมูก มีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นมานานเรื้อรังแล้ว แนะนำควรไปพบแพทย์เฉพาะทางหู-คอ-จมูก เพื่อให้การรักษาด้วยวิธีต่างๆ ที่กล่าวไป เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น เกิดกล่องเสียง และหลอดลมอักเสบตามมา เกิดภาวะไซนัสอักเสบลุกลามไปตา ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ ดวงตาอักเสบ เกิดอาการปวดตา ตาบวม ตาเเดง ลูกตาโปน  การมองเห็นลดลง อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้ หรือเกิดภาวะไซนัสอักเสบลามไปสมอง เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ เกิดภาวะไซนัสอักเสบลามไปกระดูก อาจส่งผลให้การอักเสบกระจายไปสู่สมองตามมาได้ค่ะ

                      ในเบื้องต้น ควรดื่มน้ำเปล่าในแต่ละวันให้มากเพียงพอ คือวันละ 2-3 ลิตร ไม่สูบบุหรี่ และไม่อยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ที่มีฝุ่นละอองมาก หรือใส่หน้ากากอนามัยที่ช่วยป้องกันฝุ่น หรืออาจใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยหากต้องอยู่ในที่มีฝุ่นมาก การรักษาร่างกายให้แข็งแรง โดยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น