มีจุดเเดงเหมือนยุงกัด วันถัดไปเกิดตุ่มน้ำใสๆบริเวณที่เกิดจุดแดง และมีอาการเมื่อยลำตัว รู้สึกเพลีย เวียนหัว เกิดจากสาเหตุอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ Suwanna,

         สาเหตุของการเกิดผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใส (vesicle) และอาการปวดเมื่อยตัว เพลีย ได้แก่ 

         1. การติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ซึ่งมักจะมีอาการคล้ายกับอาการของไข้หวัดนำมาก่อน เช่น ไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ต่อมาผื่นจะขึ้นทั่วตัว รวมถึงใบหน้า โดยจะเริ่มจากการเป็นผื่นเม็ดสีแดงก่อน และจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและตกสะเก็ดแห้งไป

         2.หากเคยเป็นอีสุกอีใสมาแล้ว ผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใสอาจเป็นผื่นของโรคงูสวัด ซึ่งเป็นการกำเริบของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยผื่นของงูสวัดจะเป็นแค่เฉพาะที่ ไมได้เป็นทั่วตัวแบบอีสุกอีใส และมีอาการปวด แสบร้อนบริเวณที่เป็นผื่นร่วมด้วย

         3. ผื่นผิวหนังอักเสบ (eczema) โดยระยะแรกจะมีผื่นแดงคัน ผิวหนังรอบๆ ผื่นบวม ต่อมาอาจกลายเป็นตุ่มน้ำใส เมื่อตุ่มน้ำแตกออกจะแห้งแล้วกลายเป็นสะเก็ด สามารถเกิดได้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย อาจเกิดตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่งพร้อมกัน สาเหตุอาจเกิดจากการแพ้สารเคมีบางอย่าง เรียกว่า ผื่นแพ้สัมผัส (allergic contact dermatitis) หรือเป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิด seborrheic dermatitis

          4. การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ก็ทำให้เป็นผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใสในระยะแรกได้ โดยต่อมาจะกลายเป็นตุ่มหนอง ผิวหนังบริเวณรอบๆ จะบวมแดงอักเสบ มักมีอาการไข้และปวดเมื่อยร่วมด้วย

  5. โรคผิวหนังที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ตนเองชนิดต่างๆ

    ดังนั้นหากยังคงมีผื่นตุ่มน้ำใสขึ้นมาเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วม แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสาเหตุค่ะ หากเป็นอีสุกอีใสที่อายุมากกว่า 12 ปี ควรทานยาต้านไวรัสรักษาเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่มักพบมากกว่าในเด็กเล็กค่ะ หรือหากเป็นงูสวัด ก็ควรได้ทานยารักษาเช่นกัน เพื่อให้โรคหายเร็ว และลดการเกิดเป็นซ้ำ หากตุ่มเกิดจากการการติดเชื้อแบคทีเรีย ก็ควรทานยาปฏิชีวนะค่ะ