ปวดท้องประจำเดือน จะอันตรายไหม พอหายจากประจำเดือนจะไปฉีดยาคุมได้ไหม

สวัสดีค่ะ คุณ เรซ' ซิ่ง'ง

                 หากยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือมีอาการปวดท้องประจำเดือนมาตั้งแต่วัยรุ่น อาการปวดประจำเดือนดังกล่าว ถือเป็นการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ และไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

                  แต่หากไม่ได้อยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้ว แลไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนมาก่อนในช่วงวัยรุ่น แต่เริ่มมาปวดที่อายุมากกว่า 20 ปีไปแล้ว และอาการปวดเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นอาการปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ ซึ่งลักษณะอาการปวดคือ จะปวดก่อนมีเลือดประจำเดือนมาหรือเริ่มปวดพร้อมกับประจำเดือนมาและยังปวดต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าประจำเดือนจะหยุดหรือหลังประจำเดือนหยุด โดยสาเหตุได้แก่

                  1. มีเนื้องอกมดลูก

                  2. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่

                  3..ซีสต์ที่รังไข่ โดยเฉพาะช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งเกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ไปที่รังไข่และก่อตัวเป็นถุงน้ำ อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากได้ 

                  4. พังผืดในช่องท้อง ซึ่งอาจเกิดจากเคยผ่าตัดในช่องท้องมาก่อน หรือเคยมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานมาก่อน (ที่ไม่ใช่จากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่) จะทำให้เกิดการดึงรั้งของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน แต่จะมีอาการปวดท้องน้อยแบบเรื้อรังมากกว่าที่จะปวดตามรอบของประจำเดือน

                  ดังนั้นหากเป็นอาการปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนที่จะทำการฉีดยาคุมกำเนิดค่ะ แพทย์อาจทำการตรวจภายใน และ/หรืออัลตราซาวด์ช่องท้องน้อยค่ะ 

                  แต่หากลักษณะอาการปวดเป็นแบบปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ สามารถที่จะฉีดยาคุมกำเนิดได้ โดยควรไปฉีดภายในไม่เกิน 5 วันนับตั้งแต่มีประจำเดือนมาค่ะ ไม่ควรรอให้ประจำเดือนหมดแล้วจึงไปฉีดค่ะ