ถามแพทย์

  • ปวดท้อง จุกลิ้นปี่ ร้าวไปด้านซ้ายมา 6 วัน ไปหาหมอแล้วไม่ดีขึ้น ต้องพบแพทย์เฉพาะทางไหม

  •  S'Sukanjana Nan
    สมาชิก

    ตอนนี้เป็นมาได้6 วันแล้วคะ จะมีอาการปวดท้อง จุกใต้ลิ้นปี่ ร้าวด้านซ้าย จะเป็นหนักช่วง ห้าโมมงเย็นถึงสองทุ่มของทุกวัน ไปหาหมอคลีนิคมาแล้ว แต่อาการยังเป็นเหมือนเดิม แบบนี้ต้องไปโรงพยาบาลหาหมอเฉพาะทางไหมคะ 

     สวัสดีค่ะ คุณ S'Sukanjana Nan,

                     อาการปวดท้อง จุกใต้ลิ้นปี่  อาจเกิดจาก

                    1.โรคกระเพาะอาหารอักเสบ  ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดบริเวณท้องส่วนบน อาจเป็นบริเวณลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือหรือปวดค่อนไปทางด้านซ้าย อาจปวดแบบจุกแน่น หรือแสบร้อน และปวดร้าวทะลุไปหลังได้ นอกจากนี้อาจมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

                    2.โรคกรดไหลย้อน อาการจะคล้ายๆ กับกระเพาะอาหารอักเสบ แต่จะมีอาการแสบร้อนกลางอกหรือแน่นหน้าอกร่วมด้วย หรือมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมในคอ หรือเจ็บคอ ระคายเคืองคอ เป็นต้น 

                     3. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน แต่จะมีอาการปวดท้องบริเวณท้องส่วนบนรุนแรง และมักปวดร้าวไปที่หลังได้ อาการปวดมักจะมากขึ้นเมื่อทานอาหาร ท้องอืด แน่นท้อง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีตัวเหลือง ตาเหลือง เกิดภาวะขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว เป็นต้น ซึ่งมักเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

                    ในเบื้องต้น แนะนำให้ทานอาหารอ่อน ที่ย่อยง่าย ซึ่งอาหารประเภทแป้งจะย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ หากเป็นเนื้อสัตว์ เนื้อปลาและไก่ ก็จะย่อยง่ายกว่าเนื้อหมูและเนื้อวัว อาหารต้องรสไม่จัด เคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมาก ไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอดต่างๆ เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน ทานช้าๆ ไม่เร่งรีบ และไม่ควรทานอาหารก่อนนอนภายใน 2 ชั่วโมง ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดประจำเดือน เป็นต้น  

                    หากอาการยังไม่บรรเทา อาจทานยาที่ช่วยยับยั้งการหลั่งกรด เช่น แรนิทิดีน (ranitidine) ยาโอเมพราโซล (omeprazole) เป็นต้น 

                    หากได้ปฏิบัติตัวดังกล่าวแล้ว และทานยาต่อเนื่องดูซักระยะแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ อีก ก็ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรมค่ะ