ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ 30-31 ม.ค.ใส่ถุงยาง หลั่งนอก ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มา แต่มีอาการก่อนมีประจำเดือนมาแล้ว

  •  hhhhgggg
    สมาชิก
    มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 30-31 มกราที่ผ่านมาค่ะ(ประมาณวันที่ 20 ของรอบเดือน) มีรอบนึงแฟนช่วยตัวเองจนเสร็จแล้วก็ไปล้างที่ห้องน้ำ แล้วหลายชม.ต่อมา ก็ได้ถูๆกันที่ภายนอกค่ะ แต่อาจจะมีหัวอวัยวะเพศชายเข้าไปบ้าง แต่ไม่มีการหลั่งนะคะ หลังจากนั้นแฟนก็ใส่ถุงยาง แต่พยายามเอาเข้าไปแล้วหนูเจ็บ แฟนเลยช่วยตัวเองค่ะ ตอนกลางคืนมีอีกรอบนึงคือมีการสอดใส่แบบใส่ถุงยางนะคะ พอแฟนใกล้เสร็จก็เอามาหลั่งข้างนอกตรงหน้าท้องหนูในถุงยางนะคะ ตอนเช้ามาหนูจะเอาถุงยางไปใส่น้ำก็เห็นมีน้ำสีขาวๆ 1 หยด ที่ปลายถุงยาง พอเอาน้ำใส่แล้วบีบก็ไม่มีการรั่วซึมทั้งสองถุงค่ะ ตอนนี้ประจำเดือนหนูยังไม่มา ปกติรอบเดือนหนูไม่เกิน 27 วันค่ะ แต่ตอนนี้รอบเดือน 29 วัน ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ แต่อาการก่อนเป็นประจำเดือนคือเป็นแล้วนะคะ อย่างเช่น เจ็บหัวนม นมใหญ่ขึ้น มีตกขาว กินเยอะ อารมณ์แปรปรวน บวกกับอาทิตย์ที่แล้วจนถึงอาทิตย์นี้หนูเป็นภูมิแพ้แล้วก็เป็นหวัดค่ะ อยากทราบว่าทำไมประจำเดือนยังไม่มาคะ กังวลมากเลยค่ะ
    hhhhgggg  hhhhgggg
    สมาชิก
    ตกขาวเหนียวๆสีใส ผสมกับสีขาวค่ะ ยืดๆค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                         การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30-31 ม.ค. หากได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่ามีน้อย และหากมีการนำออกมาหลั่งข้างนอก โอกาสในการตั้งครรภ์ก็น้อยลงไปอีก

                          ส่วนการที่มีน้ำสีขาวอยู่ที่ปลายถุงยาง หากได้ทดสอบลองใส่น้ำดูในถุงยางแล้วไม่รั่ว ก็ถือว่าถุงยางไม่ได้มีการฉีกขาดรั่วซึม และน้ำสีขาวที่เห็นก็น่าจะอยู่ด้านนอกของถุงยาง โดยน่าจะเป็นตกขาวของฝ่ายหญิงได้ค่ะ

                          ส่วนการฝ่ายชายมีการหลั่งน้ำอสุจิจากการช่วยตัวเอง แล้วต่อมาใช้อวัยวะเพศชายไปถูอวัยวะเพศหญิง หากมีการล้างอวัยวะเพศแล้ว โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่าไม่มีค่ะ

                          สำหรับการที่ประจำเดือนยังไม่มา แต่เพิ่งเลยกำหนดไป 2 วัน แนะนำควรรอต่อไปก่อน เพราะหากมีอาการก่อนการมีประจำเดือนมาแล้ว คือมีเจ็บหัวนม เต้านมโตขึ้น ตกขาว กินเยอะ อารมณ์แปรปรวน ก็แสดงว่าประจำเดือนก็น่าจะมาในไม่นานนี้ค่ะ ส่วนการที่ประจำเดือนมาช้า ก็จะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีความเครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากไป พักผ่อนน้อย อดนอน นอนดึก อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว มีการเจ็บป่วยไม่สบาย เป็นต้น แต่หากประจำเดือนยังคงไม่มา โดยนานเกิน 2 สัปดาห์นับจากที่ได้มีเพศสัมพันธ์ไป ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ