ถามแพทย์

  • เราหูอื้อ ย่าเอายาหม่องมาทาข้าวในหู จะเป็นอันตรายมั้ยคะ

  •  userwareerak
    สมาชิก
    เรารู้สึกกังวลค่ะ เรามีอาการหูอื้อเราไปบอกย่า ย่าเลยเอายาหม่องมาทาในหูให้ค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ userwareerak,

                        การเอายาหม่องทาเข้าไปในรูหู ไม่ได้ทำให้อาการหูอื้อหายไปได้ และอาจทำให้ผิวหนังของรูหูเกิดการระคายเคืองจากยาหม่อง มีอาการบวมแดง คัน แสบได้ค่ะ ดังนั้น ก็ไม่ควรทายาหม่องหรือยาอะไรไปค่ะ ทั้งนี้ หากเพิ่งทาไป แนะนำควรใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาด ค่อยๆ เช็ดบริเวณรูหูด้านนอก เพื่อเช็ดเอายาหม่องออก แต่ไม่ควรแหย่ไม้เข้าไปลึก เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและติดเชื้อตามมาได้

                   สำหรับอาการหูอื้อ หรือมีเสียงในหู (tinnitus) หมายถึง การได้ยินของเสียงลดลง ความคมชัดของเสียงลดลง หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดหูอยู่ หรือรู้สึกมีเสียงดังในหู ซึ่งอาจเป็นเสียงแหลม วี๊ดๆ คล้ายมีแมลงบินในหู หรือเสียงหึ่งๆ หรือเสียงตุบๆ โดยอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียวหรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งสาเหตุของอาการหูอื้อ อาจเแบ่งได้ดังนี้

                    - การได้ยินของเสียงลดลง เช่น จากการมีขี้หูอุดตัน มีสิ่งแปลกปลอมหรือแมลงเข้าหู หูอื้อที่เกิดหลังจากเป็นหวัด เป็นต้น

                    - มีเสียงแหลมวี้ดๆ  ในหู จะเกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน จากอายุที่มากขึ้น หรือจากการรับฟังเสียงดังเป็นเวลานานๆ หรือจากการได้ยินเสียงดังมาก ในทันที เช่น เสียงระเบิด การใช้ยาบางอย่างที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู หรือเกิดจากมีเนื้องอกของเส้นประสาทหู

                    - มีเสียงหึ่ง ๆ อื้อ ๆ มักเกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ร่วมกับอาการเวียนหัวบ้านหมุนและการได้ยินลดลง

                    - มีเสียงลมในหู หรือได้ยินเสียงของร่างกายชัดกว่าปกติ เกิดจากการทำงานของท่อปรับความดันหูผิดปกติ เช่น เป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้ท่อปรับความดันหู (eustachian tube) บวมและถ่ายเทอากาศไม่ได้ อาการมักเป็นๆหายๆ มักเป็นมากเวลาขึ้นที่สูง ขึ้นเครื่องบิน หรือดำน้ำ  หรืออาจเกิดจากเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก 

                    - มีเสียงก้องในหู เกิดจากการมีน้ำขังในหูชั้นกลาง

                    - เสียงตุบ ๆ หรือเสียงฟู่ ๆ ที่ดังตามจังหวะการเต้นของชีพจร อาจเกิดจากเนื้องอกในช่องหู หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะบางอย่างที่ทำให้เลือดในร่างกายเพิ่มขึ้นและหัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้นจนส่งผลให้เกิดเสียงดังในหู เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ, หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ หัวใจรั่ว เป็นต้น

                     สาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ โกโก้ การมีความเครียด วิตกกังวล อารมณ์ซึมเศร้า หรือเกิดจากนอนไม่หลับ เป็นต้น 

                     แนะนำให้ลองสังเกตอาการว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมกับการที่ได้ยินเสียงผิดปกติในหู หรือได้ยินเสียงลดลงหรือไม่ เช่น ปวดหู มีไข้ เวียนหัวบ้านหมุน หากมีอาการดังกล่าว หรืออาการหูอื้อเป็นติดต่อนานเกิน 1 สัปดาห์ หรืออาการเป็นมากจนรบกวนการทำงาน แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางหู-คอ-จมูกเพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ ในช่วงนี้ ก็ควรงดการดื่มชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วยค่ะ