ถามแพทย์

  • ลูกสาวอายุ 6 ขวบ เลือดกำเดาไหลแต่เล็กๆ เป็นบ่อยมาก ควรดูแลอย่างไร

  •  Natthika Beer
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ ลูกสาวอายุ 6 ขวบเลือดกำเดาชอบไหลแต่เล็ก หากไหลจะไหลติดๆกันประมาณ 1 สัปดาห์ หรือหากห่างก็จะไหลห่างเป็นเดือนค่ะ ล่าสุดไหลห่างกันเดือนครึ่ง และมีเลือดกำเดาไหล ก่อนจะไหลน้องบอกว่าในคอได้รสเหมือนเลือดกำเดา สัก 2 ชม.เลือดก็ไหลออกจมูกค่ะ แม่กดห้ามเลือดและให้ก้มหน้า คำถามคือ 1.หลังกดแล้วเลือดหยุด ในจมูกน้องจะมีลิ่มเลือดก้อนใหญ่ต้องดึงออกมาค่ะ ลิ่มเลือดนี้เกิดจากการกดห้ามเลือดหรือไม่คะ เพราะปรึกษา ผปค.คนอื่นที่ลูกเลือดไหลเค้าจะไม่กดกัน ให้นั่งก้มให้เลือดไหลออกจะได้ไม่มีลิ่ม พอแม่เห็นลิ่มแล้วตกใจค่ะ 2.อาการที่น้องรับรสเลือดในคอ หมายความว่าเลือดออกส่วนหลังจมูกเหรอคะ แม่อ่านแล้วกังวลมากค่ะ 3.น้องเคยหาหมอหลายรอบแล้วค่ะ หมอส่องดูก็บอกปกติค่ะ ให้ทานยาแอเรียส แม่ส่องดูก็ไม่เห็นแผลอะไรค่ะ แค่เยื้อจมูกแดงและบวม 4.หากเวลากำเดาไหลแล้วน้องร้องงอแงมาก น้องเคยกระอักเลือดออกมาด้วยค่ะ แม่กังวลมาก 5.น้องควรเสริมวิตามินอะไรมั๊ยคะ

    สวัสดีครับ คุณ Natthika Beer

    ในกลไกการแข็งตัวของเลือด เลือดจะแข็งตัวจนเป็นลิ่มเลือดอยู่แล้วครับ กล่าวคือเลือดที่ไหลออกมา เมื่อแข็งตัว ก็จะปรากฎเป็นลิ่มเลือดให้เห็นนั่นเองครับ  การพยายามห้ามเลือดเพียงแต่ทำให้เลือดไม่ไหลกระจายและหยุดการไหลเท่านั้นเองครับ  กล่าวคือ ลิ่มเลือดนั้นคงเกิดขึ้นตราบใดที่ยังมีเลือดไหล แต่การกดห้ามเลือดจะทำให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น และไม่ให้มีลิ่มเลือดเกิดมากขึ้นกว่านั้นครับ

    ส่วนการที่เด็กรับรสเลือดได้ แสดงว่าน่าจะมีเลือดไหลตกไปยังหลังจมูกครับ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของเลือดกำเดาไหลในเด็กมักจะเกิดจากการแคะจมูก จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก เป็นต้นครับ ซึ่งการที่แพทย์ส่องไม่พบอะไร ก็แสดงว่าไม่ได้มีสิ่งแปลกปลอมหรือก้อนที่ดูผิดปกติ และการให้ยาแอเรียสก็น่าจะเพื่อรักษาอาการภูมิแพ้เป็นหลักครับ  การที่เด็กมีเลือดกำเดาไหลอาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายจมูก หรือ หายใจไม่สะดวก  คุณแม่ควรปลอบประโลมลูกให้ใจเย็นๆและห้ามเลือดตามที่เคยทำต่อไปดีแล้วครับ  

    สุดท้ายนี้ คิดว่าวิตามินคงไม่ได้ช่วยเรื่องเลือดกำเดาไหลได้นะครับ แต่หากยังมีอาการนี้ต่อเนื่อง ควรพบกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่าความผิดปกติอื่นอีกหรือไม่ (อาทิเช่น ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด) จะเป็นการดีที่สุดครับ