ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา หมอให้ยาฮอร์โมนมาทาน แล้วมีประจำเดือนมา ได้เริ่มทานยาคุมกำเนิด มีเลือดออกนาน อันตรายไหม

  •  kxxmpt
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ ปกติเราเป็นคนทีประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่สม่ำเสมอ ตอนต้นปีประจำเดือนไม่มา 5 เดือน ไปหาหมอหมอให้ยาฮอร์โมนมาทาน 10 วัน หลังจากทานหมดประจำเดือนก็มาภายใน 3 วันเลย มาประมาณ 6 วันก็หมด หมอนัดกลับไปดูอาการอีกรอบหมอก็ให้หยุดทานยา 3 เดือน ช่วงหยุดยาประจำเดือนก็ไม่มา หมอนัดไปดูอาการอีกรอบหมอเลยให้ยาฮอร์โมนกลับมาทานอีก 14 วัน แล้วหมอก็ให้ยาคุมมาทานด้วยค่ะ เป็นแบบ 21 ของเมอซิลอน เริ่มทานวันแรกที่มีประจำเดือนค่ะ ประจำเดือนมา 5 วันปกติ ไม่มีปวดท้องอะไรเลย แต่หลังประจำเดือนหมดก็มีเลือดกระปริบกระปรอย เป็นเหมือนคราบเลือดติดกกน.เหมือนเลือดหลังประจำเดือนทั่วไปแต่ว่าเลือดมันยังไม่หยุดเลยค่ะตอนนี้นับก็ 9 วันแล้ว อยากทราบว่าเป็นอันตรายมั้ยคะ หรือแค่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมเฉยๆ 

    สวัสดีค่ะ คุณ kxxmpt,

                       หากประจำเดือนไม่มานาน 5 เดือน และได้ไปพบแพทย์แล้ว ได้ยาฮอร์โมนมาทาน 10 วัน เมื่อทานครบแล้ว 3 วัน ได้มีเลือดไหลออกมา ก็แสดงว่ามดลูกยังเป็นปกติดี แต่อาจเกิดจากการที่รังไข่ทำงานผลิตฮอร์โมนผิดปกติไปค่ะ

                       หลังจากนั้น หากประจำเดือนหายไปอีก 3 เดือน และแพทย์ได้ให้ยาฮอร์โมนมาทานอีก แล้วมีประจำเดือนมา และได้เริ่มทานยาคุมกำเนิด แต่ได้มีเลือดออกกกะปริดกะปรอยออกมา เลือดที่ออก ก็น่าจะเกิดจากผลของฮอร์โมนจากยาได้ค่ะ ซึ่งไม่ได้อันตรายอะไร และโดยส่วนใหญ่ เมื่อทานต่อเนื่องไปซักระยะ เลือดที่ออกก็จะค่อยๆ หายไปได้เอง ดังนั้น แนะนำให้สังเกตอาการไปก่อนค่ะ

                        อย่างไรก็ตาม หากเลือดยังคงออกทุกวัน หรือมีปริมาณมากขึ้น ก็อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด ซึ่งก็ควรกลับไปพบแพทย์ที่รักษา เพื่อประเมินอาการและดูว่าควรเปลี่ยนยาคุมหรือไม่ค่ะ