ถามแพทย์

  • หยุดฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน ยังคงมีเลือดออกมามากน้อยสลับกัน เป็นมา 2 เดือนแล้ว เกิดจากอะไร ตรวจแล้วไม่ท้อง

  •  annebee
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ คือหนูเข้ารับการฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนเป็นครั้งแรกในชีวิต ( เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565) ในช่วง 1-3 เดือนแรก มีเลือดออกกระปริดกระปรอยพอเปื้อนผ้าอนามัยแผ่นเล็กๆค่ะ ไม่เจ็บท้องค่ะ  คิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาคุม

    แต่หลังครบกำหนดฉีดยาคุม หนูหยุดฉีดยาคุมเลย  เลือดไม่หยุดไหลสักทีค่ะ มามากน้อยสลับกัน และบางครั้งรู้สึกเจ็บท้องเหมือนประจำเดือน ปวดบีบๆเหมือนมดลูกบีบตัว และเลือดเยอะขึ้นจากเดิมนิดหน่อยค่ะ และมีเยื่อคล้ายประจำเดือนเล็กๆหลุดออกมาเรื่อยๆ  จนตอนนี้ประมาณเกือบจะ 2 เดือนหลังจากหยุดยาคุมแล้วค่ะ  (ไม่มีอาการเหนื่อย ไม่เพลีย ตรวจแล้วไม่ตั้งครรภ์ค่ะ)  

    อยากสอบถามคุณหมอค่ะว่า มันเกิดจากอะไรคะ ? ทำไมหยุดฉีดยาคุมแล้วเลือดยังไหลอยู่คะ ?และเมื่อไหร่เลือดจะหยุดไหลคะ ? (รู้สึกเครียดมากค่ะ อยากให้เลือดหยุดไหลแล้วค่ะ😔) ขอบคุณค่ะ 

    สวัสดีค่ะ คุณ annebee,

                          ขณะที่ฉีดยาคุมกำเนิดชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน แล้วมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ก็ถือเป็นผลข้างเคียงจากยาฉีดได้ ส่วนเมื่อหยุดฉีดยาคุมไปแล้ว ยังคงมีเลือดออกอยู่เรื่อยๆ หากตรวจหาการตั้งครรภ์แล้วไม่พบ ก็อาจเป็นผลจากฮอร์โมนจากยาฉีดที่ไปมีผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งแม้จะหยุดฉีดไป เยื่อบุโพรงมดลูกก็อาจจะยังไม่กลับมาเป็นปกติเดิม จึงยังอาจมีเลือดไหลออกมาเป็นระยะๆ ได้ค่ะ แต่จะออกไปนานแค่ไหน ไม่สามารถบอกได้ 

                         แต่นอกจากนี้ ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีมดลูกอักเสบ มีเนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเกิดจากการทานยาฮอร์โมนบางอย่าง เช่น ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริม เป็นต้น

                         ดังนั้น หากยังคงมีเลือดออกอยู่เรื่อยๆ แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาให้เลือดหยุดไหลค่ะ หากไม่ได้เกิดจากโรคต่างๆ แต่เป็นผลต่อเนื่องมาจากยาฉีด แพทย์ก็จะให้ยาปรับฮอร์โมนมาทานค่ะ ไม่ควรปล่อยให้มีเลือดออกต่อเนื่อง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางตามมาได้ค่ะ