-
เป็นวัณโรคปอด กินยาไป 2 เดือนแล้ว ยังมีเสมหะปนเลือด เกิดจากอะไร
-
May 17, 2019 at 10:02 AM
สวัสดีครับ ผมมีอาการไอเป็นเลือดแล้วได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลหมอบอกว่าเป็นวัณโรคปอดและก็ได้ยามากิน อาการไอเป็นเลือดก็หายไป อาการก็ดีขึ้น ตอนนี้ผมกินยาวัณโรคมาได้จะ2 เดือนแล้ว กินยาตรงเวลาทุกครั้ง และกินอย่างสม่ำเสมอ แต่วันนี้กับเมื่อวานทุกครั้งที่ขากเสมหะจะมีปนเลือดออกมาอีกแล้ว เกิดจากสาเหตุอะไรครับ
May 18, 2019 at 08:49 AM
สวัสดีค่ะคุณ mlamalila
วัณโรคปอดคือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ปอด มักมีอาการไอเรื้อรังมากกว่า 1 เดือน ร่วมกับมีเสมหะปนเลือด มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยวัณโรค วัณโรคปอดเป็นโรคติดต่อทางการหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ติดต่อกันทางการหายใจ จึงติดต่อกันได้ง่าย
การรักษาของโรควัณโรคปอดคือการรับประทานยาฆ่าเชื้อวัณโรคปอดร่วมกัน 4 ตัวติดต่อกันนาน 6-9 เดือน โดยควรรับประทานยาทุกวันสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการดื้อยา โดยในระหว่างรักษาแพทย์จะทำการนัดติดตามอาการ และส่งตรวจเสมหะซ้ำเป็นระยะเพื่อดูว่าโรคตอบสนองต่อยาหรือไม่ โดยปกติแล้วหลัง 2 เดือน หากตรวจเสมหะมักจะไม่พบเชื้อวัณโรคแล้ว หมายความว่ายังเป็นโรคอยู่ แต่ไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ
ดังนั้นหากมีเสมหะเป็นเลือดออกมาอีกครั้ง แนะนำกลับไปพบแพทย์ที่รักษาเพื่อตรวจเสมหะดูว่ามีเชื้อกลับมาอีกหรือไม่ หากเชื้อดื้อยา แพทย์อาจเปลี่ยนชนิดยาตามความเหมาะสม
การดูแลตัวเองเบื้องต้น ดื่มน้ำมากๆ รับประทานยาทุกวัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเด็กหรือผู้สูงอายุ หากไปในที่ชุมชนควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
-
ถามแพทย์
-
เป็นวัณโรคปอด กินยาไป 2 เดือนแล้ว ยังมีเสมหะปนเลือด เกิดจากอะไร