ถามแพทย์

  • แน่นในหู หูอื้อ ปวดหู มีน้ำไหลจากหู

  •  Thanaporn P. Simsakul
    สมาชิก
    อยู่ดีๆก็มีอาการหูอื้อ รู้สึกแน่นในหู และได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดค่ะ เป็นมาอาทิตย์กว่าคิดว่าจะดีขึ้น ตอนนี้เข้าอาทิตย์ที่2แล้วก็ปวดในหูนิดๆขึ้นมาเฉยเลย ตอนสะอึกก็ปวดจี๊ดๆ ปวดแบบพอทนได้ และตอนเอาสำลีเช็ดทำความสะอาดหู ก็มีน้ำเหนียวๆสีเหลืองขุ่นๆ มีกลิ่น ไหลออกมาค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดหรือมีน้ำมูก ไม่ได้เป็นภูมิแพ้ ไม่ได้ขึ้นเครื่อง และไม่ได้ว่ายน้ำ ดำน้ำด้วยค่ะ แข็งแรงดี นอนและตื่นมาก็เป็นอย่างที่กล่าวมาข้างต้นเลยค่ะ(เป็นหูด้านขวา) ไม่ทราบว่าอาการแบบนี้เป็นอะไรหรือคะ และเกิดจากสาเหตุอะไรเพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่เสี่ยงต่อหูเลยค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                       อาการปวดหู มีน้ำสีเหลืองขุ่นไหลออกมา มีกลิ่นเหม็น อาจเกิดจาก

                       1. มีการอักเสบติดเชื้อของรูหูชั้นนอก อาการคือ ปวดหู กดเจ็บบริเวณหน้าใบหู เมื่อดึงใบหูหรือโยกใบหูจะเจ็บมากขึ้น หูอื้อ มีน้ำเหลืองไหลออกมา รูหูบวมแดง เป็นต้น โดยปัจจัยที่ทำให้เกิด เช่น การแคะหู การมีน้ำเข้าหู ซึ่งอาจเกิดขณะอาบน้ำ สระผม หรือมีสิ่งเแปลกปลอมเข้าหู เป็นต้น

                      2. หูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักเป็นผลแทรกซ้อนที่เกิดต่อเนื่องมาจากการเป็นไข้หวัด หรือภูมิแพ้ อาการคือปวดหูมาก มีไข้ การได้ยินเสียงลดลง หูอื้อ หลังจากนั้นอาการปวดและไข้จะลดลง แต่จะมีหนองไหลจากรูหู

                      หากยังคงมีอาการปวดหูและมีน้ำไหลจากหู แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเกิดจากการอักเสบติดเชื้อในรูหูหรือไม่ เพื่อที่จะได้ยาปฏิชีวนะรักษาค่ะ ในเบื้องต้น ควรงดการแคะรูหู และระวังอย่าให้น้ำเข้าหู โดยใช้ที่อุดหูขณะอาบน้ำ งดการว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ เป็นต้น

                      สำหรับอาการหูอื้อที่เป็นมาก่อนหน้านั้นประมาณสัปดาห์กว่าๆ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีขี้หูมากเกินไป มีสิ่งแปลกปลอมหรือแมลงเข้าหู อาการหูอื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ หรือสูบบุหรี่ นอกจากนี้ การมีความเครียดและวิตกกังวลก็อาจทำให้หูอื้อได้ หูอื้ออาจเกิดจากประสาทหูเสื่อมในผู้สูงอายุหรือจากการฟังเสียงดังบ่อยๆ หรือจากการใช้ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู นอกจากนี้ ก็อาจพบในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือกำลังเป็นหวัดอยู่ หรืออาจเกิดจากมีการติดเชื้อซิฟิลิสหรือไวรัสที่ทำให้หูชั้นในอักเสบ หรือเกิดจากการมีโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มีเนื้องอกในรูหู ที่เส้นประสาทหู เป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นต้น ดังนั้น หากรักษาอาการปวดหูจนหายแล้ว หากยังคงมีหูอื้อต่อเนื่อง ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมต่อไปค่ะ