ถามแพทย์

  • แผลผ่าตัดจากไส้ติ่งอักเสบที่แตก

  •  Peepo Oopz
    สมาชิก
    รบกวนถามคุณหมอ อยากทราบว่า แผลผ่าไส้ติ่ง(แตก) แล้วแพทย์ได้เย็บเป็นแบบปิด ตอนนี้บวมแดง และเหมือนจะมีหนอง แต่หลังจากผ่า1สัปดาห์ แผลเน็บแบบปิดแห้งเป็นปกติ ไม่มีอาการแดง (พักรักษาตัวที่ รพ เป็นเวลา 1สัปดาห์) หลังจากน้น คุณหมอได้ให้กลับมาพักที่บ้านโดยไม่ได้สั่งให้ทำแผลแต่ยังมียาทานฆ่าเชื้อเป็นปกติ วันละ1เม็ด แล้วให้มาเช็คเพื่อตัดไหมในอีก3วัน ผลปรากฎว่า วันที่นัดตัดไหมไม่สามารถตัดไหมได้ เนื่องจากมีอาการบวมแดง และคุณหมดบอกว่ามีหนอง ฝน่าจะมาจากการอักเสบ (แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีไข้ หรือ ปวดแผลแบบผิดปกติแต่อย่างใด) จึงอยากทราบว่า อาการบวมแล้วมีหนองแบบนี้ มีอันตรายหรือไม่แล้วแนวทางการรักษาต่อจากนี้ จะรักษาด้วยวิธีใด ตอนนี้คุณหมอให้ทานยาต่ออีก2วัน โดยเพิ่มมื้อของยา เป็น เช้า กลางวัน และเย็น

     สวัสดีคะคุณ Peepo Oopz

    เรียนอย่างนี้ค่ะ ปัจจุบันการดูแลและการผ่าตัดคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องของไส้ติ่งอักเสบ สามารถทำได้ทั้งแบบ การส่องกล้อง หรือ การเปิดแผลหน้าท้องค่ะ

    การวินิจฉัยโรค ปัจจุบันใช้เรื่องการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ค่ะ ซึ่งจะสามารถเห็นรายละเอียดได้ดีค่ะ

    แต่อย่างไรก็ตาม อาการและอาการแสดงก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ประกอบกับการตรวจร่างกายด้วยคะ

    เมื่อมีการติดเชื้อในไส้ติ่ง และมีเรื่องการแตกของไส้ติ่งมีความจำเป็นที่ควรจะได้รับการผ่าตัดภาย 24-48  ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะ การให้ยาปฏิชีวนะ มีงานวิจัยออกมาว่ามีประโยชน์ในการให้และต้องให้ครอบคลุมเชื้ออาจจะให้ทั้งก่อนการผ่าตัด และหยุดหลังจากเห็นลักษณะของไส้ติ่ง หรือ ให้ต่อเนื่องอีก เจ็ดวันถ้ามีปัญหาไส้ติ่งแตกค่ะ

     

    การผ่าตัดถ้าเป็นการผ่าตัดแบบเปิด มีงานวิจัยออกมาว่า สามารถที่จะปิดแผลได้ในครั้งเดียว หรือ อาจจะต้องเปิดแผลและใส่ไส้ไก่ให้มีการระบายของหนองออกก่อนได้ค่ะ การเปิดแผลไว้ก่อนอาจจะทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้นค่ะ แล้วทำการเย็บปิดแผลเมื่อไม่เห็นเรื่องของหนองและไข้ลดลงอาการปวดท้องลดลงค่ะ

     

    ตอนนี้บริเวณที่บวมมีหนอง อาจจะเป็นเรื่องการติดเชื้อของผิวหนังได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะมีความจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อ และที่สำคัญที่สุดควรจะได้รับการเปิดแผลเพื่อล้างแผลก่อนค่ะ 

    ต้องดูว่ามีปัญหาปวดท้องหรือไม่ค่ะ ถ้ามีไข้ปวดท้องอาจจะมีการติดเชื้อในท้องอยู่ค่ะ

    แนะนำไปโรงพยาบาลและปรึกษาแพทย์อีกครั้งค่ะ