ถามแพทย์

  • แสบคอ ไอ เกิดจากกรดไหลย้อนหรือไม่คะ

  •  Khun Maiiz
    สมาชิก

    ก่อนหน้านี้มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ เรอบ่อย ท้องร้องโครกครากบ่อย อาการเป็นๆหายๆมาสักพัก แต่เมื่อสองวันก่อนมีอาการแสบร้อนคอมากจนสะดุ้งตื่นมากลางดึก และมีอาการเสียงแหบและไอตามมาภายหลัง จนตอนนี้ยังไอและเจ็บหน้าอกไม่หยุดเลยค่ะ อาการไอแบบนี้เกิดจากกรดไหลย้อนหรือไม่คะ รบกวนคุณหมอด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                        อาการจุกแน่นลิ้นปี่ เรอบ่อย ท้องร้องโครกคราก ตามด้วยอาการแสบคอ เสียงแหบ ไอ เจ็บหน้าอก ก็น่าจะเกิดจากการเป็นกรดไหลย้อนได้ โดยน่าจะมีโรคกระเพาะอาหารอักเสบร่วมด้วย จึงทำให้มีอาการจุกแน่นที่ลิ้นปี่ค่ะ สำหรับโรคกรดไหลย้อนนั้น เมื่อน้ำย่อยไหลย้อนมา ก็จะทำให้มีอาการเจ็บแสบหน้าอก แน่นหน้าอก และเมื่อน้ำย่อยไหลขึ้นมาถึงลำคอ ก็จะทำให้มีรสเปรี้ยวหรือขมในคอ เจ็บคอ ระคายเคืองคอ และอาจกระตุ้นให้ไอได้ค่ะ

                        ในเบื้องต้น ควรุดูแลตนเองดังนี้ ได้แก่ การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย คือเป็นอาหารประเภทต้ม นึ่ง ที่ชิ้นอาหารเ็นชิ้นเล็กๆ และนิ่ม ไม่ทานอาหารประเภททอด ผัด ไม่ทานเนื้อสัตว์ที่ชิ้นใหญ่ ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมาก คือไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ และไม่ควรทานอาหารแล้วนอนทันที โดยควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดประจำเดือน เป็นต้น

                       หากอาการยังไม่บรรเทา อาจทานยาที่ช่วยยับยั้งการหลั่งกรด เช่น แรนิทิดีน (ranitidine) ยาโอเมพราโซล (omeprazole) เป็นต้น และยาที่ช่วยเพิ่มการเคลื่อนตัวของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งช่วยให้อาหารเคลื่อนตัวออกจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กได้เร็วขึ้น เช่น ยาเมโทโคลพราไมด์ (metoclopramide) เป็นต้น นอกจากนี้ ก็มียา sucralfate ที่เป็นยาเคลือบผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นต้น

                      ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ เรอบ่อย ก็อาจเกิดจากการมีนิ่วในถุงน้ำดีได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการแสบคอและไอ หรืออาจเกิดจากมีโรคของปอดและเยื่อหุ้มปอดอยู่ จึงทำให้มีอาการไอ เจ็บหน้าอก แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่และเรอบ่อยค่ะ

                      ทั้งนี้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ