เลือดกำเดาไหล มีไข้ มีน้ำมูก ฝามือเป็นตุ่มคัน

 โรคมือ เท้า ปาก (Hand-foot-mouth-disease) มักพบในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี แต่สามารถพบได้ในเด็กอายุมากกว่านี้และในผู้ใหญ่ได้ โดยที่อาการของโรคมือเท้าปากในเด็กที่โตกว่าหรือในผู้ใหญ่จะไม่รุนแรงเท่าในเด็กเล็ก

          ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Coxsackie virus A16 หรืออาจเกิดจาก Enterovirus 71, Coxsackie virus A 5,7,9,10 B2, 5 และ Echovirus

          ติดต่อได้ 2 ทาง คือ การกินอาหารที่ปนเปื้อนอุจจาระหรือน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย หรือการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายมาจากผู้ป่วย เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 3-6 วัน ก่อนแสดงอาการ ซึ่งอาการคือ มีไข้ต่ำ หรือไข้สูง ไอ เจ็บคอ เบื่ออาหาร ปวดท้อง อ่อนเพลีย และมีตุ่มน้ำหรือตุ่มแดงๆ บริเวณมือ ฝ่ามือ เท้า ฝ่าเท้า ซึ่งมักเจ็บ รวมทั้งพบที่ปาก ตั้งแต่ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม คอหอยปาก หรืออาจจะเห็นเป้นแผลตื้นๆ บนเยื่อบุปาก

               หากคุณ นิศารัตน์ มีเฉพาะอาการไข้ น้ำมูก และเป็นผื่นแดงที่ฝ่ามือซึ่งมีอาการคัน อาจจะไม่ใช่ โรคมือเท้าปากก็ได้ค่ะ อาจเป็นไข้หวัด ร่วมกับผิวหนังที่มือมีอาการแพ้ หรือเป็นโรคไข้ออกผื่นจากเชื้ออื่นๆ ก็ได้ค่ะ

              แนะนำให้ไปแพทย์ เพื่อซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติมค่ะ จะได้ทราบว่าเป็นโรคมือเท้าปากหรือไม่ ในเบื้องต้น หากมีเด็กเล็กในบ้าน หรือทำงานในสถานที่มีเด็กเล็กๆ ควรป้องกันการแพร่เชื้อสู่เด็กค่ะ โดยการใช้ผ้าปิดปากปิกจมูก ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสกับเด็กหรือก่อนทำอาหารให้กับเด็ก ห้ามใช้ช้อนส้อม จานชาม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลีกเลี่ยงการนอนในห้องเดียวกัน 

             เนื่องจากโรคมือเท้าปาก มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น สมองและไขสันหลังอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปอดบวมน้ำ เลือดออกในปอด และภาวะช็อกได้ ดังนั้นหากอาการของคุณ นิศารัตน์ รุนแรงขึ้น เช่น มีไข้สูง ปวดศรีษะรุนแรง อาเจียน เหนื่อย หอบ ชีพจรเต้นเร็ว ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ