ถามแพทย์

  • ไข้ขึ้น ปวดขา ปวดหน้าอก ปวดหัว ไปหาหมอได้ยามาแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น เกิดจากอะไร

  •  Phimmada Saengthong
    สมาชิก
    เป็นไข้ตอนมีประจำเดือนค่ะ คือวัยศุกร์ที่16 อาหารเริ่มก็คือปวดขา ปวดหน้าอก ปวดหัว ปวดทุกอย่าง และพอ กลับบ้านก็กินยาพาราค่ะตอนกลางคืนก็หนาวมาก เหงื่อนี้เปียกชุ่มเลยค่ะวันเสาร์ก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็บอกอาดารเขาว่าปวดหัวตัวร้อนถ่ายเหลวเจ็บคอเขาก็ให้ยาพารามา ยาอม เกลือเเร่ ยาแก้เจ็บคอ เขาบอกว่าถ้าวันจันทร์ไม่ดีขึ้นให้ไปหาอีกรอบคือวันอังคารค่ะและตื่นมาเช้าวันอาทิตย์ก็ไม่ดีขึ้นตัวร้อนจี้เลยค่ะ ทนไม่ไหวเลยไปหาคลินิคเขาฉีดยาให้เจาะเลือด ให้ยาลดไข้มา ยาแก้เจ็บคอ ยาลดน้ำมูก และก็ยาฆ่าเชื่อพอไปเสร็จกลับมาบ้านตัวร้อนจี้เลย จนกินยาลดไข้ก็ดีขึ้น พอยาหมดฤทธิ์ก็กลับตัวร้อนเหมือนเดิม โทรไปถามหมอเรื่องผลเลือด ก็คือเลือดยังดีอยู่ไม่เป็นไข้เลือดออก และก็บอกเขาว่าเนี้ยตัวยังร้อนอยู่เลยเขาบอกว่าให้มาฉีดซ้ำอีกรอบ ตกลงเป็นอะไรกันแน่ค่ะ ถึงไม่หายซักที
    Phimmada Saengthong  พญ.นรมน
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณ Phimmada Saengthong

    อาการไข้และปวดเมื่อยตามตัวอาจเกิดจาก

    -ไข้สูงไม่เกิน 7 วันอาจเกิดจากไข้เลือดออก ไข้สูงลอย ปวดท้องบริเวณขวาบน กินได้น้อย มีจุดแดงตามตัว เกล็ดเลือดต่ำ

    -การติดเชื้อไวรัสที่ไม่จำเพาะเจาะจง

    -คออักเสบ ถ้ามีเจ็บคอ ไอ ร่วมด้วย

    -ไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัวได้มาก

    -ปอดอักเสบ ถ้ามีอาการไอมาก หอบเหนื่อย

    -ไข้จากระบบทางเดินอาหาร อาจมีคลื่นไส้ ปวดท้อง ถ่ายเหลว

    -ไข้จากระบบทางเดินปัสสาวะ ถ้ามีปัสสาวะแสบขัดหรือเป็นเลือด

    หากไม่มีอาการอื่นๆ และผลตรวจเลือดไข้เลือดออกก็ไม่พบ อาจจะเป็นการติดเชื้อไวรัสที่ไม่จำเพาะเจาะจง คือรักษาตามอาการ โดยการรับประทานยาลดไข้ทุก 4-6 ชั่วโมง และพักผ่อน

    ควรกลับไปติดตามอาการตามนัด หากแพทย์ให้เจาะเลือดซ้ำก็ควรเจาะ เพราะบางครั้งเมื่อเวลาผ่านไป ผลเลือดอาจแสดงให้เห็นถึงการติดเชื้อหรือมีเกล็ดเลือดต่ำที่พบได้ในไข้เลือดออกก็ได้ค่ะ