เป็นไข้เลือดออกมาแล้ว 6 วัน ไข้ลดลง เริ่มมีผื่นคันตามฝ่ามือ ปวดท้องแบบจุกๆ เวียนหัว หน้ามืด เหงื่อออก อันตรายไหม

สวัสดีค่ะ คุณ sirinan,

                 อาการของโรคไข้เลือดออก จะแบ่งออกเป็น 2 หรือ 3 ระยะ คือ

                - ระยะที่ 1 ระยะไข้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจมีจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง (ไม่ใช่ผื่นที่มีลักษณะนูนสีแดง) ซึ่งจะไม่มีอาการคัน หรือมีเลือดออกบริเวณอื่นๆ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนมีเลือดปน อาการจะเป็นอยู่ประมาณ 2-7 วัน 

               - ระยะที่ 2 ระยะช็อก ผู้ป่วยบางรายที่ไข้ลง จะเกิดน้ำรั่วออกจากเส้นเลือด ทำให้มีอาการทรุดลง เช่น ซึมลง กระสับกระส่าย เหงื่อออก ปลายมือปลายเท้าเย็น หัวใจเต้นเร็วและเบา ปัสสาวะออกน้อย ท้องโตขึ้น หายใจหอบเหนื่อย บางรายมีเลือดออกมากร่วมด้วย เช่น เลือดออกในทางเดินอาหารทำให้อุจจาระสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด ผู้ป่วยในระยะนี้อาจมีอาการช็อกจากความดันโลหิตที่ต่ำลงและมีโอกาสเสียชีวิตได้ ซึ่งระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 1 - 2 วัน แต่ในบางรายหลังจากไข้ลง ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นจากระยะที่เป็นไข้ (ระยะที่ 1) เข้าสู่ระยะพักฟื้น (ระยะที่ 3) โดยไม่มีอาการของระยะช็อกเกิดขึ้น

               - ระยะที่ 3 ระยะพักฟื้น อาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น อยากทานอาหารมากขึ้น ความดันโลหิตกลับเป็นปกติ ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นแดงเล็กๆ ตามลำตัวและอาจมีอาการคันร่วมด้วย

                 ดังนั้นหากได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอนแล้วว่าเป็นไข้เลือดออกจริง และเมื่อไข้ลง กลับมีอาการปวดท้อง  เวียนหัว หน้ามืด เหงื่อออก ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ เพราะอาจเกิดจากมีเลือดออกในทางเดินอาหารและลำไส้ได้ 

                 แต่หากยังไม่ได้รับการวินิจฉัยทจากแพทย์ว่าเป็นไข้เลือดออกจริง อาการมีไข้และเป็นผื่นคัน อาจไม่ได้เกิดจากโรคไข้เลือดออกก็ได้ ดังนั้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการต่างๆ ที่เป็นอยู่ค่ะ