ไซนัสอักเสบ

สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                 โรคไซนัสอักเสบ จะแบ่งออกเป็น

                 1. ไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน คือโรคไซนัสอักเสบที่ผู้ป่วยมีอาการไม่เกิน 4 สัปดาห์ โดยแบ่งตามสาเหตุออกเป็น

                    - จากการติดเชื้อไวรัส มักมีอาการไม่เกิน 10 วัน และมักจะหายได้เอง

                    - จากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาการมักเป็นนานมากกว่า 10 วันหรือมีอาการดีขึ้นแล้วกลับแย่ลง

                2. ไซนัสอักเสบชนิดกึ่งเฉียบพลัน คือจะมีอาการตั้งแต่ 4 ถึง 12 สัปดาห์

                3. ไซนัสอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และอาจมีอาการของโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันแทรกเป็นระยะๆได้

                 ทั้งนี้ หากเพิ่งเป็นมา 4 วัน และมีอาการที่เข้ากันได้กับไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่ คัดจมูก แน่นจมูก น้ำมูกไหล มีสีเหลืองเขียว ปวดบริเวณไซนัสที่อักเสบ การับกลิ่นเสียไป มีไข้ และอาจมีปวดมึนศีรษะร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีกลิ่นเหม็นในจมูก ไอและมีเสมหะ (จากน้ำมูกที่ไหลลงคอ) สำหรับอาการปวดไซนัส มักจะเป็นมากขึ้นเวลาเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากขณะนอนหลับจะเกิดการคั่งค้างของหนองภายในโพรงไซนัส และมีการคั่งของหลอดเลือดจากภาวะการนอน ทำให้การถ่ายเทอากาศในโพรงไซนัสไม่ดีจนเกิดการสะสมของของเหลวจำนวนมาก

                  สำหรับการดูแลตนเองได้แก่ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ พ่นจมูกด้วยยาสเตียรอยด์  ทานยาแก้ปวด รวมถึงการดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่สูบบุหรี่และไม่อยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองมาก เป็นต้น 

                   หากอาการยังคงเป็นมาก เช่น ปวดตามโพรงไซนัสมาก หรือมีไข้สูง หรือเป็นหลายวัน อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อจ่ายยาปฏิชีวนะให้ทานค่ะ โดยต้องทานอย่างน้อย 10-14 วัน ทั้งนี้ ไม่ควรปล่อยให้อาการเป็นเรื้อรังนานเกิน 10 วัน เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เกิดการอักเสบในหูชั้นกลางทำให้หูอื้อ กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรืออาจทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ ตาอักเสบ เกิดตาบวม เจ็บตา กลอกตาแล้วเจ็บ มองเห็นภาพซ้อนหรือ เห็นภาพไม่ชัด หรือหากรุนแรง อาจเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือลามไปเนื้อสมองกลายเป็นฝีในสมองได้ เป็นต้น