ปวดเกร็งท้องข้างขวาอยู่บ่อยๆ แน่นท้อง ท้องอืดใต้ลิ้นปี่ เป็นมาเกือบสัปดาห์ กลัวเป็นไส้ติ่งอักเสบ

สวัสดีค่ะ คุณ Home65,

                    อาการของไส้ติ่งอักเสบนั้น เริ่มแรกจะทำให้มีอาการปวดบริเวณท้องบริเวณรอบๆ สะดือก่อน ต่อมาจะย้ายไปปวดบริเวณท้องน้อยด้านขวา โดยอาการปวดจะรุนแรงขึ้นภายใน 1-2 วัน จนมีอาการปวดตลอดเวลา นอกจากนี้ จะมีไข้ และอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือท้องผูกร่วมด้วย

                    ดังนั้น หากอาการปวดไม่ได้เป็นที่ท้องน้อยด้านขวา ไม่ได้ปวดรุนแรงขึ้นภายใน 1-2 วัน ไม่ได้มีไข้ ก็ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะหากปล่อยไว้นานเกิน 2-3 วัน ไส้ติ่งก็อาจแตก ทำให้มีอาการรุนแรง ถึงขั้นช็อกหมดสติ และเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากเป็นมาเกือบสัปดาห์แล้ว ก็ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบค่ะ 

                    ดังนั้น อาการการปวดเกร็งท้องข้างขวาบ่อยๆ แน่นท้อง ท้องอืด กดใต้ลิ้นปี่เหมือนมีอะไรเป็นก้อนๆ อาจเกิดจาก

                     - โรคกระเพาะอาหารอักเสบ  โดยจะมีอาการปวดบริเวณท้องส่วนบน อาจเป็นบริเวณลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือหรือปวดค่อนไปทางด้านซ้าย อาจปวดแบบจุกแน่น หรือแสบร้อน นอกจากนี้อาจมีอาการท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก (ซึ่งอาจทำให้คลำก้อนได้) อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น 

                     - นิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งมักจะทำให้เกิดอาการปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนบนหรือด้านขวา และมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก (ซึ่งอาจทำให้คลำก้อนได้) เป็นต้น 

                     ส่วนกล้ามเนื้อบริเวณท้องอักเสบ มักทำให้มีจุดกดเจ็บที่ชัดเจน และไม่น่าทำให้มีอาการแน่นท้อง ท้องอืดค่ะ ดังนั้น ก็ไม่น่าใช่สาเหตุ

                     ในเบื้องต้น แนะนำให้ดูแลรักษาแบบโรคกระเพาะอาหารไปก่อน เช่น การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ อาหารผัด ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมากเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์  ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดประจำเดือน เป็นต้น  

                     นอกจากนี้ อาจทานยาที่ช่วยลดบรรเทาอาการท้องอืด ได้แก่ ไซเมทิโคน (simethicone), เอ็ม คาร์มิเนทิฟ (M. Carminative) ยาธาตุน้ำแดง เป็นต้น รวมถึงยาที่ช่วยย่อยอาหาร เช่น ไดเจสติน (digestin), มาเจสโต (magesto-F) เป็นต้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมต่อไปค่ะ