ทรามาดอล (Tramadol)

ทรามาดอล (Tramadol)

ทรามาดอล (Tramadol) เป็นยาระงับอาการปวดที่มักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดค่อนข้างรุนแรง ยาชนิดนี้จัดเป็นยาอันตรายและเป็นยาที่จ่ายได้ภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น โดยตัวยาจะออกฤทธิ์สั่งการสมองและระบบประสาทให้คลายความเจ็บปวดลง

Tramadol

เกี่ยวกับยาทรามาดอล

กลุ่มยา กลุ่มโอปิออยด์ (Opioid Analgesics)
ประเภทยา ยาตามใบแพทย์สั่ง
สรรพคุณ ลดอาการปวดระดับปานกลางจนถึงระดับรุนแรง
กลุ่มผู้ป่วย เด็กที่อายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
รูปแบบของยา ยารับประทานชนิดแคปซูล ยาฉีด

คำเตือนในการใช้ยาทรามาดอล

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาทรามาดอล ผู้ใช้ยาควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด

  • ห้ามใช้ยาทรามาดอลโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ เพราะยาชนิดนี้ถือเป็นยาอันตราย และการใช้ยาติดต่อกันนานเกินกว่าที่แพทย์สั่งอาจส่งผลให้เกิดการเสพติดได้ หรืออาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหากมีการใช้ยาเกินขนาด
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติทางการแพทย์ เช่น โรคปอด โรคหอบหืด โรคลมชัก ภาวะถอนพิษสุราหรือถอนยาบางชนิด โรคหัวใจ การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ โรคตับ โรคไต ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ กระเพาะอาหารหรือลำไส้อุดตัน ภาวะผิดปกติทางด้านจิตใจ และมีประวัติการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • หากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาทรามาดอล
  • ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้อยู่
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท หรือสารเสพติดก่อนใช้ยาทรามาดอลชั่วระยะหนึ่ง
  • ห้ามรับประทานยาทรามาดอลพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น
  • ผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 12 ปี หรือ 18 ปีที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์หรือต่อมทอนซิล ไม่ควรใช้ยานี้

ปริมาณการใช้ยาทรามาดอล

ปริมาณการใช้ยาทรามาดอลจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย รูปแบบของยาที่ใช้ ความรุนแรงของอาการ และดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

อาการปวดทั่วไปในระดับปานกลางไปจนถึงขั้นรุนแรง

แพทย์อาจให้ยาเป็นชนิดเม็ดหรือชนิดฉีด โดยตัวอย่างการใช้ยาทรามาดอลชนิดเม็ดรูปแบบต่าง ๆ มีดังนี้ 

          เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่  ให้รับประทานในปริมาณ 50–100 มิลลิกรัม ทุก 4–6 ชั่วโมง โดยปริมาณสูงสุดใน 1 วันไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัม 

          ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 75 ปี ขึ้นไป อาจต้องลดขนาดยาลง โดยแพทย์จะเป็นผู้กำหนดปริมาณ และระยะเวลาการใช้งานตามความเหมาะสมต่อผู้ป่วย

กรณีที่แพทย์ให้ยาชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เข้าหลอดเลือดดำ หรือเข้าชั้นใต้ผิวหนัง จะมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

          เด็กที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ ให้ยาในปริมาณ 50–100 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 2–3 นาที ทุก ๆ 4–6 ชั่วโมง โดยปริมาณสูงสุดใน 1 วันจะไม่เกิน 600 มิลลิกรัม

          ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 75 ปี ขึ้นไป แพทย์จะเป็นผู้กำหนดปริมาณ และระยะเวลาการใช้งานตามความเหมาะสมต่อผู้ป่วย

การใช้ยาทรามาดอล

การใช้ยาทรามาดอลอย่างปลอดภัยคือการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยไม่ควรรับประทานมากกว่าปริมาณที่กำหนด เพราะจะทำให้ได้รับยาเกินขนาด และไม่ควรหัก เคี้ยว หรือแบ่งยา

ผู้ป่วยสามารถรับประทานยานี้ได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร ในกรณีที่ลืมรับประทานยาตาม ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเพื่อทดแทนมื้อที่ขาดไป แต่หากใกล้เวลารับประทานยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไปโดยไม่ได้เพิ่มปริมาณยา

ในระหว่างที่ใช้ยาทรามาดอล แพทย์อาจต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจเป็นระยะ ๆ เช่น ตรวจการทำงานของตับและไต หรือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และสำหรับการเก็บรักษายา ให้เก็บยาในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้น และเก็บให้ห่างมือเด็ก

ปฏิกิริยาระหว่างยาทรามาดอลกับยาอื่น

ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่มต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อน

  • ยาที่มีฤทธิ์หรืออาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดการง่วงซึม
  • ยารักษาโรคทางอารมณ์ ยารักษาระบบประสาท ภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะยาต้านเศร้ากลุ่มเอ็มเอโอไอ (Monoamine Oxidase Inhibitors) ยาละลายลิ่มเลือด ยาปฏิชีวนะ โรคลมชัก ไมเกรน ยารักษาการติดเชื้อรา และสมุนไพร St.John's Wort 
  • ยารักษาอาการปวดขั้นรุนแรงชนิดอื่น

นอกจากยาเหล่านี้แล้ว ยังมียาชนิดอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาทรามาดอลได้เช่นกัน หากกำลังใช้ยาชนิดใด ๆ อยู่ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยานี้

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาทรามาดอล

ยาทรามาดอลเป็นยาอันตรายที่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้ยาชนิดนี้ค่อนข้างรุนแรง โดยยาจะกดระบบทางเดินหายใจและมีผลต่อระบบประสาทเมื่อได้รับปริมาณมากเกินไป โดยผลข้างเคียงจากยาทรามาดอลที่พบได้บ่อย เช่น 

  • ท้องผูก
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • วิตกกังวล
  • อาการสั่น กระสับกระส่าย
  • เหงื่อท่วม
  • นอนไม่หลับ
  • อาการประสาทหลอน

นอกจากนี้ หากใช้ยาทรามาดอลแล้วมีอาการแน่นท้อง ปัสสาวะเป็นเลือด ความดันโลหิตสูง แน่นหน้าอก หนาวสั่น หน้ามืด เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้สึกปวดตามร่างกาย ตาพร่าเลือน หายใจช้าลง รวมถึงมีอาการแพ้ยา เช่น  ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก หรือใบหน้าบวม มีไข้ เจ็บคอ แสบร้อนดวงตา เกิดรอยแดงหรือม่วงตามผิวหนัง เกิดแผลพุพอง ผิวลอก ควรรีบพบแพทย์ในทันที