BILASTINE (ไบแลสทีน)
Bilastine (ไบแลสทีน) เป็นยากลุ่มต้านฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ ใช้รักษาและระงับอาการโรคภูมิแพ้และอาการแพ้อื่น ๆ เช่น โรคภูมิแพ้จมูก โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ไข้ละอองฟาง หรือผื่นลมพิษ
โดยตัวยาจะช่วยยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารอักเสบที่ชื่อว่า ฮิสตามีน (Histamine) ผ่านการจับกับตัวรับฮิสตามีนอย่างจำเพาะสูงกว่าเซทิริซีน 3 เท่า และสูงกว่าเฟกโซเฟนาดีน 5 เท่า ตัวยา Bilastine จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการแพ้ เช่น คัดจมูก จาม มีน้ำมูก คันจมูก คันตา น้ำตาไหล ตาแดง ผื่นแดงคันจากลมพิษ บางกรณีอาจนำมาใช้รักษาโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา BILASTINE
กลุ่มยา | ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มที่ไม่ทําให้ง่วง (Non-drowsy Antihistamine & Non- Brain-Penetrating Antihistamine) |
ประเภทยา | ยาที่หาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | รักษาอาการแพ้อากาศ หรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ขึ้นตา ไข้ละอองฟาง ผิวหนังแดงคันจากลมพิษ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กอายุ 6–12 ปี และผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ดังนั้น ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากกำลังตั้งครรภ์ก่อนเริ่มการใช้ยา |
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร | ยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่ายานี้สามารถซึมผ่านน้ำนมมารดาไปสู่ทารกได้หรือไม่ ผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา Bilastine |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ได้แก่ ยาเม็ดละลายในปาก (Orodispersible Tablet) ขนาด เม็ดละ 10 มิลลิกรัม และยาเม็ดปกติ ขนาดเม็ดละ 20 มิลลิกรัม |
คำเตือนในการใช้ยา BILASTINE
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา Bilastine ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาไบแลสทีนหากมีประวัติแพ้ยา และแพ้สารใด ๆ เพราะอาจเป็นส่วนประกอบในยา ทำให้เกิดอาการแพ้ยาหรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการง่วงซึมหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง หากมีอาการดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักรหรือทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่รับประทานยา
- ผู้ที่วางแผนจะมีบุตร กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลดี ผลเสีย และความเสี่ยงต่อทารกก่อนการใช้ยาชนิดนี้
ปริมาณการใช้ยา BILASTINE
ปริมาณการใช้ยา Bilastine สำหรับบรรเทาอาการจากโรคภูมิแพ้จมูก โรคภูมิแพ้ขึ้นตา และผื่นคันจากโรคลมพิษ แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
- เด็กอายุ 6–11 ปี รับประทานยาขนาด 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
- เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ แนะนำขนาดยา 20 มิลลิกรัม วัน 1 ครั้ง
การใช้ยา BILASTINE
ยา Bilastine ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น หากไม่มีอาการแล้วควรหยุดใช้ยาทันที ผู้ป่วยควรใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
การรับประทานยาเม็ดในรูปแบบแตกกระจายตัวในปาก (Orodisperisble Tablet) แนะนำให้วางเม็ดยาในปาก เพื่อให้เม็ดยาแตกตัวอย่างรวดเร็วในน้ำลาย และสามารถกลืนได้ง่าย หรืออาจจะละลายเม็ดยาในน้ำเปล่าปริมาณเล็กน้อย จากนั้นจึงรับประทานยาเข้าไป
สำหรับเม็ดยาปกติ แนะนำให้กลืนยาพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว ผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยาสามารถหักแบ่งเม็ดยาตามรอยบาก เพื่อช่วยให้กลืนเม็ดยาได้ง่ายขึ้น
ยา Bilastine ควรรับประทานในช่วงท้องว่าง 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานอาหารหรือ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร เนื่องจากอาหารที่รับประทานจะยับยั้งการดูดซึมของตัวยา และทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง รวมถึงควรงดดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างใช้ยานี้
แม้ยาชนิดนี้จะจัดอยู่ในกลุ่มยาต้านฮิสตามีนชนิดที่ไม่ทําให้ง่วง แต่ผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติหลังรับประทานยาอยู่เสมอ เพราะยา Bilastine อาจทำให้รู้สึกง่วงได้ในผู้ป่วยบางราย หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
การเก็บยาควรวางไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากอากาศเย็น ความร้อน ความชื้นหรือแสงแดด และเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก รวมถึงไม่ควรใช้ยาไบแลสทีนร่วมกับผู้อื่นและไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุแล้ว
ในกรณีที่สงสัยว่าตนเองรับประทานยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งชนิดของยาและปริมาณที่รับประทานโดยละเอียดให้แพทย์ทราบ
ปฏิกิริยาระหว่างยา BILASTINE กับยาอื่น
การใช้ยาไบแลสทีนในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยไตบกพร่อง ผู้ป่วยตับบกพร่อง ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยาไบแลสทีน ยกเว้นกรณีที่ผู้ป่วยมียารับประทานหลายชนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาถึงปฏิกิริยาระหว่างยาที่รับประทาน
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่องปานกลางหรือรุนแรงที่ใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่น มีโอกาสทำให้ระดับยาไบแลสทีนเพิ่มขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ เช่น
- ยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
- ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
- ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ยาดิลไทอะเซม (Diltiazem)
- ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin)
- ยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin)
นอกจากนี้ ยาไบแลสทีนไม่ได้เสริมฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง เมื่อรับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ หรือยาลอราซีแพม
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา BILASTINE
การรับประทานยา Bilastine อาจส่งผลให้ปวดศีรษะ ง่วงนอน มึนงง และอ่อนเพลียได้ โดยผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นในความถี่เทียบเท่ากับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ อาจที่พบได้น้อย เช่น ปากแห้ง ปวดท้อง คลื่นไส้ และเวียนศีรษะ
เขียนโดย กองบรรณาธิการ POBPAD
อัพเดทล่าสุด 19 มิถุนายน พ.ศ. 2567
ตรวจสอบความถูกต้องโดย กองบรรณาธิการทางการแพทย์ POBPAD