ความหมาย พิษสุนัขบ้า (Rabies)
พิษสุนัขบ้า (Rabies) หรือที่เรียกกันว่า โรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสซึ่งมาจากการถูกสัตว์ที่ติดเชื้อกัดหรือข่วน โดยเฉพาะสุนัข ซึ่งเชื้อดังกล่าวส่งผลกระทบระบบประสาทส่วนกลาง และจะมีความรุนแรงมากจนถึงขั้นเสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาหรือฉีดวัคซีนป้องกันทันเวลา
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้ป่วยติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทยพบจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในอดีต ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหลังได้รับเชื้อ
อาการของโรคพิษสุนัขบ้า
ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าในระยะแรกเริ่มอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เนื่องจากเป็นระยะการฟักตัวของเชื้อที่มักใช้เวลาตั้งแต่ 2–12 สัปดาห์ขึ้นไป หรือบางรายอาจใช้เวลาอย่างเร็วเพียงแค่ 4 วัน ซึ่งเป็นระยะที่สำคัญมาก เพราะหากเลยช่วงนี้ไปจนเข้าช่วงแสดงอาการแล้วมักไม่สามารถรักษาได้ และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในที่สุด
ทั้งนี้ บริเวณที่ถูกกัดสามารถส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนและระยะฟักตัวของเชื้อ ยิ่งบริเวณที่ติดเชื้ออยู่ใกล้สมองมากเท่าไร เชื้อก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนและฟักตัวได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น เช่น การถูกกัดบริเวณใบหน้าจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อเร็วกว่าการถูกกัดที่บริเวณขา ทำให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่อวัยวะอื่น ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รอยกัดขนาดใหญ่ที่มีเลือดออกก็จะส่งผลต่อการแพร่กระจายของเชื้อมากกว่ารอยข่วนขนาดเล็ก ผู้ที่ถูกกัดหรือข่วนโดยสัตว์ รวมถึงการถูกสัตว์เลียที่แผลหรือเยื่อบุตา ปาก และจมูกจึงต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อให้พิจารณาว่าควรทำการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อหรือไม่ อย่างไร
ส่วนลักษณะอาการเริ่มต้นของโรคนี้จะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยอาจมีไข้ เป็นเหน็บชา และกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผล หลังจากนั้นอาการจะเริ่มพัฒนาไปสู่ระยะที่โรครุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้แล้ว
ทั้งนี้ อาการจากโรคพิษสุนัขบ้าจะแสดงใน 2 ลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละราย ได้แก่
กลุ่มอาการสมองอักเสบ
เป็นกรณีที่พบได้บ่อย โดยจะส่งผลให้มีอาการรุนแรงปรากฏในลักษณะต่อไปนี้
- กลัวน้ำ ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้
- มีการเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ กล้ามเนื้อที่ใช้กลืน และกล้ามเนื้อที่ใช้หายใจ
- กลืนอาหารลำบาก
- พูดไม่ชัด
- สมองอักเสบ ทำให้เกิดประสาทหลอน มีอาการสับสน หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง กระสับกระส่าย และภาวะโคม่าได้
- มีการหลั่งน้ำลายและเหงื่อมากกว่าปกติ
กลุ่มอาการแบบอัมพาต
เป็นกรณีที่พบได้น้อย โดยใช้เวลาแสดงอาการยาวนานกว่าชนิดสมองอักเสบ และจะส่งผลให้กล้ามเนื้อของผู้ป่วยค่อย ๆ อ่อนแรงลงและเป็นอัมพาต นำไปสู่อาการโคม่าและเสียชีวิตได้ในที่สุด
สาเหตุโรคพิษสุนัขบ้า
พิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าเรบีส์ โดยสัตว์ที่ติดเชื้อโรคนี้จะสามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนหรือสัตว์อื่น ๆ ด้วยการกัด นอกจากนี้ แผลตามร่างกายหรือเยื่อบุตาและปากที่สัมผัสเข้ากับน้ำลายของสัตว์ติดเชื้อนั้น ๆ ก็มีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้เช่นกัน แต่พบได้น้อย
ไม่เพียงแต่สุนัขเท่านั้นที่สามารถแพร่กระจายเชื้อมาสู่คนได้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดใดก็ตามล้วนสามารถส่งผ่านเชื้อพิษสุนัขบ้ามาสู่คน ไม่ว่าจะเป็น วัว ม้า แมว หนู กระต่าย กระรอก แกะ สุนัข รวมถึงสัตว์ป่าทั้งหลาย
โดยผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้แก่ ผู้ที่เดินทางไปแถบที่มีการแพร่ระบาดของโรค มีการสัมผัสใกล้ชิดสัตว์ป่า ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการที่ต้องสัมผัสกับเชื้อไวรัสเรบีส์ รวมถึงบางอาชีพ เช่น บุรุษไปรษณีย์ สัตวแพทย์ และผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับสัตว์ ควรต้องระมัดระวังการติดเชื้อชนิดนี้เป็นพิเศษ
การวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้า
เชื้อพิษสุนัขบ้าสามารถตรวจได้ทั้งในคนและสัตว์ สัตวแพทย์จะตรวจดูว่าในสมองของสัตว์มีลักษณะที่แสดงถึงผลกระทบจากการติดเชื้อหรือไม่ หากไม่พบว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ป่วยที่ถูกกัดก็จะไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันหรือรับการรักษา
ทั้งนี้ การติดเชื้อพิษสุนัขบ้าในคนจะสามารถวินิจฉัยได้ก็ต่อเมื่อมีอาการบ่งบอกแล้วเท่านั้น โดยทำได้ด้วยการตรวจน้ำลาย เก็บตัวอย่างเลือด ตรวจของเหลวจากไขกระดูกสันหลัง รวมถึงตัวอย่างผิวหนังแล้วส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนผู้ป่วยที่ถูกสัตว์กัดและแพทย์ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าสัตว์ดังกล่าวมีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยบางคน แพทย์อาจจำเป็นต้องทำการ CT Scan หรือ MRI บริเวณสมองของผู้ป่วยก่อน เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลมาจากโรคหรือภาวะผิดปกติชนิดอื่นที่มีลักษณะอาการคล้ายกัน
การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า
แพทย์อาจเฝ้าระวังดูสัตว์ที่กัดว่ามีอาการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ รวมทั้งอาจตรวจหาการติดเชื้อในสมอง หากไม่พบร่องรอยแสดงการติดเชื้อ หรือสัตว์นั้น ๆ ได้รับวัคซีนป้องกันอย่างเหมาะสมมาก่อนก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยถูกกัดในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อพิษสุนัขบ้า และยังยืนยันไม่ได้ว่าสัตว์ดังกล่าวมีเชื้อหรือไม่ จะต้องให้วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าแก่ผู้ที่ถูกสัตว์กัด
การรักษาแผลหลังจากถูกสัตว์ที่เสี่ยงติดเชื้อกัด มีขั้นตอนเริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดแผล แพทย์จะล้างแผลเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาทีด้วยสบู่และน้ำเปล่า และพิจารณาการรักษาตามประวัติการฉีดวัคซีนของผู้ป่วย
ผู้ป่วยที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนหรือฉีดยังไม่ครบ
ผู้ป่วยที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ รวมถึงฉีดอิมมูโนโกลบูลินต้านเชื้อพิษสุนัขบ้า โดยแพทย์จะเริ่มฉีดอิมมูโนโกลบูลินให้เร็วที่สุดหลังการถูกกัด ซึ่งปริมาณที่ควรฉีดจะคำนวณตามน้ำหนักตัวของผู้ป่วย และแบ่งฉีดบริเวณแผลที่ถูกกัดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
จากนั้น แพทย์จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตาม โดยวัคซีนนี้แพทย์จะฉีดให้ในวันแรกที่ถูกกัดแล้วฉีดซ้ำในวันที่ 3 วันที่ 7 และวันที่ 14 รวมทั้งสิ้น 4 รอบ
ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยที่ยังได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้าไม่ครบ แพทย์จะฉีดวัคซีนอิมมูโนโกลบูลิน และอาจใช้ยาปฏิชีวนะรักษาร่วมด้วย ในรายที่มีอาการบ่งบอกการติดเชื้อ
ผู้ป่วยที่มีประวัติฉีดวัคซีน
ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนแล้ว แพทย์จะให้รับการฉีดกระตุ้น 2 ครั้งในวันแรกที่ถูกกัดและวันที่ 3 โดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนชนิดอิมมูโนโกลบูลินร่วมด้วย ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทั้ง 2 ชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้รู้สึกเจ็บ คัน หรือบวมบริเวณที่ฉีดวัคซีน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ ปวดท้อง และปวดตามกล้ามเนื้อตามมาได้
ทั้งนี้ กรณีที่โรคพิษสุนัขบ้าพัฒนาไปถึงระยะแสดงอาการ ซึ่งมักไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้วนั้น ไม่มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่แพทย์จะพยายามใช้วิธีที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและเจ็บปวดน้อยที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนของโรคพิษสุนัขบ้า
ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าส่วนใหญ่มักเสียชีวิตลงภายใน 2 สัปดาห์หลังจากเกิดอาการโคม่า โดยสาเหตุมักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ได้แก่ การขาดอากาศหายใจหรือภาวะหยุดหายใจจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว อาการชักในผู้ป่วยกลุ่มสมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาตในผู้ป่วยกลุ่มอาการแบบอัมพาต
นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ของโรคที่อาจพบได้ เช่น ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
การป้องกันการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันเมื่อต้องเดินทางไปในที่ที่มีความเสี่ยง หรือต้องทำงานใกล้ชิดกับสัตว์ รวมถึงการทำงานกับเชื้อไวรัสเรบีส์ ต้นเหตุโรคพิษสุนัขบ้าในห้องปฏิบัติการ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์เมื่อเดินทางไปในที่ที่มีการแพร่ระบาด สอนให้ลูกรู้ถึงอันตรายจากการสัมผัสหรือการสัมผัสน้ำลายของสัตว์ และคอยระมัดระวังตนเอง
- เมื่อพบว่าลูกหลานเกิดแผลตามตัว ควรไต่ถามถึงที่มาว่าเกิดจากสัตว์หรือมีการสัมผัสกับน้ำลายสัตว์หรือไม่ เพื่อให้สามารถป้องกันได้อย่างทันท่วงที
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสัตว์ตัวอื่นและแพร่มายังเจ้าของ
- คอยเฝ้าดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้คลาดสายตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสัตว์อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลี้ยงสัตว์เล็กอย่างกระต่าย หรือตระกูลหนูทั้งหลายที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าได้
- แจ้งเทศกิจเมื่อพบเจอสัตว์เร่ร่อน
- ป้องกันไม่ให้ค้างคาว พาหะหนึ่งของโรคพิษสุนัขบ้ามาอาศัยอยู่ตามบริเวณบ้าน