ฟลูติคาโซน (Fluticasone)

ฟลูติคาโซน (Fluticasone)

Fluticasone (ฟลูติคาโซน) เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) มักใช้บรรเทาอาการในระบบทางเดินหายใจจากการอักเสบ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล โรคหืดหรือโรคหอบ และโรคริดสีดวงจมูก (Nasal Polyps) เป็นต้น 

ยา Fluticasone ส่วนใหญ่พบใน 2 รูปแบบ คือ ยาสำหรับสูดพ่นทางปาก (Inhalation) และยาพ่นจมูก นอกจากนี้ ยังมียา Fluticasone ในรูปแบบครีมเพื่อรักษาโรคผิวหนังบางชนิด

ฟลูติคาโซน (Fluticasone)

เกี่ยวกับยา Fluticasone

กลุ่มยา คอร์ติโคสเตียรอยด์
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ และยาหาซื้อได้ทั่วไป
สรรพคุณ ต้านการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ
กลุ่มผู้ป่วย เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาสูดพ่นทางปาก ยาพ่นจมูก และยาทา
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์

คำเตือนในการใช้ยา Fluticasone

ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยา Fluticasone รวมถึงยาและสารอื่น ๆ 
  • แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวและปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคเบาหวาน โรคต้อกระจก โรคต้อหิน ภาวะเสี่ยงต่อมวลกระดูกต่ำ โรคตับ บาดแผลหรือการบาดเจ็บในโพรงจมูก ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ประวัติการผ่าตัดโพรงจมูก และประวัติการรักษาโรคติดเชื้อชนิดต่าง ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา Fluticasone ทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลงหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง โดยเฉพาะกลุ่มยา CYP3A4 Inhibitors เช่น ยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ยาโคบิซิสแทต (Cobicistat) ยาคีโตนาโซล (Ketoconazole) และยาไอทราโคนาโซล (Itraconazole) รวมทั้งยาต้านเชื้อราและยาต้านไวรัสชนิดอื่น ๆ 
  • ยา Fluticasone อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ และยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ายานี้ส่งผ่านน้ำนมได้หรือไม่ หากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
  • ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา Fluticasone ทั้งผู้ป่วยที่กำลังใช้ยาอยู่ในปัจจุบันหรือเคยใช้ยาในช่วงหลายเดือนก่อน
  • ระหว่างการรักษาด้วยยา Fluticasone ควรดูแลตนเองจากโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะโรคอีสุกอีใสและโรคหัด 
  • ยา Fluticasone มีทั้งรูปแบบยาสูดพ่นทางปากและยาพ่นจมูก ผู้ป่วยควรอ่านฉลากยาและใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ และควรใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยปริมาณการใช้ยา Fluticasone แตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคนตามดุลยพินิจของแพทย์ 

ปริมาณการใช้ยา Fluticasone

ปริมาณ รูปแบบ และระยะเวลาการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ

ตัวอย่างการใช้ยา Fluticasone เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบมีดังนี้

ผู้ใหญ่ และเด็กอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป 

  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Propionate : ระยะแรกให้ใช้ยาพ่นจมูก ความเข้มข้น 0.05% ปริมาณ 100 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบในช่วงเช้า หากจำเป็นอาจพ่น 2 รอบต่อวัน และระยะควบคุมอาการ ใช้ยาพ่นจมูก ความเข้มข้น 0.05% ปริมาณ 50 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบ
  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Furoate : ระยะแรกให้ใช้ยาพ่นจมูก ขนาด 55 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบ และระยะควบคุมอาการ ใช้ยาพ่นจมูก ขนาด 27.5 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบ

ด็กอายุ 6–11 ปี

  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Furoate : ระยะแรกให้ใช้ยาพ่นจมูก ขนาด 27.5 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้งต่อวัน อาจเลือกใช้ยาขนาด 55 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง หากจำเป็นต้องควบคุมอาการ และระยะควบคุมอาการ ใช้ยาพ่นจมูก ขนาด 27.5 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบ

เด็กอายุ 4–11 ปี

  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Propionate : ใช้ยาพ่นจมูก ความเข้มข้น 0.05% ปริมาณ 50 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง พ่นเข้าโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ครั้ง วันละ 1 รอบในช่วงเช้า หากจำเป็นอาจพ่น 2 รอบต่อวัน

โรคหืด

ยา Fluticasone สำหรับรักษาโรคหืดมักมาในรูปแบบของยาสูดพ่น สามารถใช้ได้กับเครื่องพ่นยาแบบ DPI (Dry Powder Inhaler) MDI (Metered Dose Inhaler) และเครื่องพ่นละอองยา (Nebulization) โดยมีตัวอย่างการใช้ดังนี้

ผู้ใหญ่ 

  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Propionate : อาการไม่รุนแรง ระยะแรกให้สูดพ่นยา 100 ไมโครกรัม 2 ครั้งต่อวัน หากอาการรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงสูดพ่นยา 250–500 ไมโครกรัม 2 ครั้งต่อวันด้วยเครื่องสูดพ่นแบบ DPI หรือ MDI โดยปริมาณยาที่ใช้อาจเพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัม 2 ครั้งต่อวันตามการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเครื่องพ่นละอองยา ให้สูดพ่นยา 500–2,500 ไมโครกรัม 2 ครั้ง/วัน
  • ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Furoate : สูดพ่นยาขนาด 100 ไมโครกรัม 1 ครั้ง/วันด้วยเครื่องสูดพ่นแบบ DPI และอาจเพิ่มเป็น 200 ไมโครกรัม 1 ครั้ง/วัน

เด็ก 

  • อายุ 4–16 ปี ระยะแรกสูดพ่นยา Fluticasone ชนิด Propionate แบบ DPI หรือ MDI ขนาด 50–100 ไมโครกรัม 2 ครั้ง/วัน หากจำเป็นอาจเพิ่มเป็น 200 ไมโครกรัม/ครั้ง 
  • อายุ 5–12 ปีที่ใช้ยา Fluticasone ชนิด Furoate สูดพ่นยาขนาด 50 ไมโครกรัม 1 ครั้ง/วันด้วยเครื่องสูดพ่นแบบ DPI
  • อายุ 4–16 ปีที่ใช้เครื่องพ่นละอองยา ระยะแรกสูดพ่นยา Fluticasone ชนิด Propionate ขนาด 1,000 ไมโครกรัมด้วยเครื่องพ่นละอองยา 2 ครั้ง/วัน

โรคริดสีดวงจมูก

แพทย์อาจสั่งจ่ายยา Fluticasone ในรูปแบบยาพ่นจมูกให้กับผู้ที่เป็นริดสีดวงจมูกโดยมีตัวอย่างการใช้ดังนี้

ผู้ใหญ่ ใช้ยาพ่นจมูก Fluticasone ชนิด Propionate ขนาด 200 ไมโครกรัมหยดเข้าโพรงจมูกทั้งสองข้าง ข้างละ 1–2 ครั้ง/วัน โดยใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 4–6 สัปดาห์หรือตามแพทย์สั่ง

โรคผิวหนังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์

แพทย์อาจสั่งจ่ายยา Fluticasone ในรูปแบบครีม เพื่อบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังในโรคผิวหนังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid-Responsive Dermatoses) โดยมีตัวอย่างการใช้ดังนี้

ผู้ใหญ่ ทายา Fluticasone รูปแบบครีมความเข้มข้น 0.05% ลงบนผิวหนังที่มีอาการ โดยเน้นการทาบาง ๆ 1–2 ครั้ง/วันต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์จนอาการดีขึ้น จากนั้นลดปริมาณการใช้ตามที่แพทย์สั่ง

เด็กอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ทายา Fluticasone รูปแบบครีมความเข้มข้น 0.05% ลงบนผิวหนังที่มีอาการ โดยเน้นการทาบาง ๆ 1–2 ครั้ง/วันต่อเนื่องกัน 1–2 สัปดาห์จนอาการดีขึ้น จากนั้นลดปริมาณการใช้ตามที่แพทย์สั่ง

การใช้ยา Fluticasone

วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้

  • อ่านฉลากยาก่อนใช้เสมอ โดยเฉพาะรูปแบบการใช้ยา เพื่อป้องกันการได้รับยาไม่ครบตามปริมาณที่กำหนด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้
  • ใช้ยาตามฉลากยาและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร
  • ยา Fluticasone รูปแบบยาพ่นจมูก ควรเขย่าขวดยาก่อนใช้เสมอ
  • ยา Fluticasone รูปแบบสูดพ่นทางปาก มีทั้งรูปแบบ DPI และ MDI ซึ่งจะใช้กับอุปกรณ์สูดพ่นที่แตกต่างกัน ผู้ป่วยจึงควรศึกษาวิธีใช้อย่างถูกต้องจากแพทย์
  • การใช้ยา Fluticasone รูปแบบสูดพ่นทางปากเพื่อรักษาโรคหืดในเด็ก ควรมีผู้ใหญ่กำกับดูแลเสมอ
  • ก่อนและหลังทายา Fluticasone รูปแบบครีม ควรล้างมือให้สะอาด ระมัดระวังไม่ให้ยาเข้าตาหรือสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น
  • หากลืมใช้ยาให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้เวลาการใช้ครั้งถัดไปให้ใช้ยาในครั้งถัดไป โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
  • ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ใช้ยา Fluticasone เป็นประจำ เนื่องจากยานี้เป็นยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ส่งผลต่อสุขภาพเมื่อใช้ระยะยาว และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในกรณีที่เป็นผู้ป่วยเด็ก 
  • ควรไปพบแพทย์ หากใช้ยา Fluticasone รูปแบบยาพ่นจมูกแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือหากใช้ยา Fluticasone รูปแบบสูดพ่นทางปาก แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
  • เก็บยาไว้ในที่แห้งและเย็น ห่างจากแสง ความร้อน ความชื้น และเก็บให้พ้นจากเด็กและสัตว์เลี้ยง

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Fluticasone

ยา Fluticasone อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงแตกต่างกันตามรูปแบบของยา เช่น

ผลข้างเคียงจากยา Fluticasone รูปแบบยาพ่นจมูก

ยาพ่นจมูก Fluticasone อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เลือดกำเดาไหล แผลในจมูก เกิดฝ้าขาวในโพรงจมูกและรอบจมูก อาการแสบหรือคันในโพรงจมูก ไอ หายใจลำบาก ปวดหัว ปวดหลัง เจ็บ คอ เป็นไข้ และคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

หากพบผลข้างเคียงติดต่อกันเป็นเวลานาน มีอาการรุนแรงขึ้นหรือพบอาการอื่น โดยเฉพาะหายใจมีเสียงหวีด ตาพร่า หนาวสั่น ปวดตัว ปวดตา หรือการมองเห็นเปลี่ยนไป ควรไปพบแพทย์ทันที อีกทั้งการใช้ยา Fluticasone ที่เป็นยาสเตียรอยด์ในเด็กติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตหรือทำให้เติบโตช้าได้ ผู้ปกครองควรพาเด็กที่ใช้ยาชนิดนี้เป็นประจำไปตรวจพัฒนาการทางร่างกายตามกำหนด

ผลข้างเคียงจากยา Fluticasone รูปแบบยาสูดพ่นทางปาก

ยาสูดพ่นทางปาก Fluticasone อาจทำให้เกิดข้างเคียง เช่น คัดจมูก ไอ จาม ปวดใบหน้า เป็นไข้ต่ำ หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก ฝ้าขาวและบาดแผลในปากและริมฝีปาก การติดเชื้อราในช่องปาก ปวดหัว และคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

หากพบผลข้างเคียงติดต่อกันเป็นเวลานาน มีอาการรุนแรงขึ้นหรือพบอาการอื่น โดยเฉพาะอาการเหนื่อยล้า ไม่มีแรง สำลักหลังใช้ยา ตาพร่า ปวดตา อาการหอบรุนแรงขึ้น ปวดท้องส่วนบน ตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายโคล่า อุจจาระสีเข้มหลายโคลน ควรไปพบแพทย์ทันที

การใช้ยา Fluticasone รูปแบบยาสูดพ่นทางปากที่เป็นยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก ผิวหนังบอบบางแพ้ง่าย รอยช้ำ เป็นสิว เกิดขนบนใบหน้า ประจำเดือนผิดปกติ และอารมณ์ทางเพศลดต่ำลง เป็นต้น

ผลข้างเคียงจากยา Fluticasone รูปแบบยาทา

ยา Fluticasone รูปแบบยาทาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงทางผิวหนัง เช่น อาการคัน แสบร้อนตามผิวหนัง ผื่นแดงเมื่อสัมผัสจะรู้สึกอุ่นกว่าผิวส่วนอื่น รอยฟกช้ำ ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวเปลี่ยนสี และขนยาวขึ้นกว่าปกติ เป็นต้น   

อาการแพ้ยา

อาการแพ้ยาเป็นอาการที่พบได้น้อย ได้แก่ ลมพิษ หายใจไม่ออก อาการบวมตามใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และคอ หากพบอาการผิดปกติที่เข้าข่ายอาการแพ้ยาหลังใช้ยา Fluticasone ไม่ว่าจะรูปแบบใด ควรไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ หากใช้ยาแล้วพบอาการผิดปกติหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป