ยาเหน็บริดสีดวง

ยาเหน็บริดสีดวง

ยาเหน็บริดสีดวง คือ ยาชนิดแท่งสำหรับใช้สอดทวารหนักผู้ป่วยริดสีดวง เพื่อรักษาอาการคัน ปวด บวม และแดง โดยมีตัวยาชนิดเดียวหรือหลายชนิดผสมกันเพื่อออกฤทธิ์ลดการอักเสบหรือระงับความรู้สึก

ยาเหน็บริดสีดวง

กลุ่มยาลดการอักเสบ

ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ลดการอักเสบและลดการบวมของริดสีดวง ช่วยบรรเทาอาการคัน เจ็บ บวม แดงบริเวณทวารหนัก รวมถึงรักษาอาการถ่ายเป็นเลือด ตัวอย่างยาลดการอักเสบชนิดสเตียรอยด์ ได้แก่ ไฮโดรคอร์ทิโซน เพรดนิโซโลน ฟลูโอคอร์โทโลน เป็นต้น ส่วนยาชนิดอื่น ๆ ได้แก่ เฟนิลเอฟรีน ไทรเบโนไซด์ เป็นต้น

กลุ่มยาระงับความรู้สึกหรือยาชาเฉพาะที่

ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ระงับความรู้สึกจึงทำให้บริเวณทวารหนักรู้สึกชาชั่วคราว โดยมักใช้ร่วมกับยากลุ่มลดการอักเสบเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้น ตัวอย่างยาระงับความรู้สึก ได้แก่ ไลโดเคน ซินโคเคน เป็นต้น

คำเตือนในการใช้ยาเหน็บริดสีดวง

  • ห้ามรับประทานยาเหน็บริดสีดวงโดยเด็ดขาด หากกลืนยาโดยอุบัติเหตุให้ผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ทันที
  • ปฏิบัติตามวิธีการใช้ยาเหน็บริดสีดวงอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเหน็บริดสีดวง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทารกได้ โดยหญิงมีครรภ์ไตรมาสแรกหรือกำลังให้นมบุตรห้ามใช้ยาที่มีไทรเบโนไซด์
  • ผู้ที่แพ้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาระงับความรู้สึก หรือแพ้ยาชนิดอื่น ๆ ควรศึกษาส่วนประกอบบนฉลากบรรจุภัณฑ์ และห้ามใช้ยาเหน็บริดสีดวงที่มีตัวยาที่ตนแพ้
  • ผู้ที่กำลังรับประทานยาบางกลุ่ม เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ปวดลดไข้ ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเศร้า ยารักษามะเร็งบางชนิด ยาลดความอ้วนบางชนิด รวมถึงวิตามินหรืออาหารเสริมสมุนไพร ต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยาเหน็บริดสีดวงทุกครั้ง เพราะยาอาจออกฤทธิ์ได้ไม่ดี หรืออาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • ผู้ป่วยโรคบางชนิด เช่น ต้อกระจก ต้อหิน กล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนีย เกรวิส (Myasthenia Gravis) วัณโรค แผลในกระเพาะอาหาร ถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ ต่อมลูกหมากโต กระดูกพรุน โพแทสเซียมในเลือดต่ำ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ โรคตับ โรคไต โรคจิตประสาท รวมถึงผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาฟันหรือเข้ารับการผ่าตัด ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเหน็บริดสีดวงทุกครั้ง
  • ผู้ที่ตับทำงานบกพร่องอย่างรุนแรงห้ามใช้ยาเหน็บริดสีดวงที่มีตัวยาไทรเบโนไซด์
  • ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์ทันทีหากใช้ยาเหน็บริดสีดวงแล้วอาการคัน ปวด หรือบวมไม่ทุเลาลง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ถ่ายเป็นเลือด หายใจลำบาก เท้าหรือข้อเท้าบวม อ้วนขึ้น เป็นต้น

คำเตือนเพิ่มเติมสำหรับการใช้ยาเหน็บริดสีดวงชนิดสเตียรอยด์

  • เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรใช้ยาเหน็บริดสีดวงภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะยาอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตได้
  • ผู้ป่วยไม่ควรใช้ยาเหน็บริดสีดวงติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ เช่น ผิวบาง มีสิวขึ้น ขนดก เกิดแผลฟกช้ำง่าย มีไขมันสะสมในร่างกายมาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
  • ผู้ป่วยควรงดดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยาเหน็บริดสีดวง เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกในช่องท้อง
  • ผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยากลุ่มเอ็นเสด เช่น วาร์ฟาริน นาพรอกเซน แอสไพริน ไอบูโพรเฟน เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเหน็บริดสีดวง เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดไหลไม่หยุด
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยาเหน็บริดสีดวงไม่ควรรับการฉีดวัคซีนบางชนิด การทดสอบภูมิแพ้ หรือการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด รวมทั้งไม่ควรคลุกคลีกับผู้ป่วยบางโรค เช่น ไข้หวัด อีสุกอีใส และหัด เพราะร่างกายอาจติดเชื้อได้ง่าย
  • ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรใช้ยาเหน็บริดสีดวง เพราะยาอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น โดยแพทย์อาจปรับปริมาณการใช้ยารักษาเบาหวานร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ยา

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหน็บริดสีดวง

การใช้ยาเหน็บริดสีดวงมักทำให้เกิดผลข้างเคียงบริเวณทวารหนักเล็กน้อย เช่น ผิวแห้ง แดง รู้สึกคัน เจ็บ หรือแสบร้อน อย่างไรก็ตาม ยาบางส่วนอาจถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วยโดยเฉพาะเด็กหรือผู้ที่ใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเป็นสิว มีขนขึ้นตามใบหน้าหรือลำตัว ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือเหงื่อออกมาก

อย่างไรก็ตาม หากพบอาการรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • อ่อนเพลียมากผิดปกติ มีไข้
  • ผอมลงหรืออ้วนขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปวดหัวหรือตาอย่างรุนแรง รวมถึงมีปัญหาด้านการมองเห็น
  • ปวดหรือแสบร้อนบริเวณทวารหนัก รวมถึงอาจมีเลือดหรือหนองไหลออกมา หรือปะปนมากับอุจจาระ
  • ปวดกระดูกหรือกล้ามเนื้อ กระดูกเปราะ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือสั่น เท้าหรือข้อเท้าบวม
  • ปวดท้อง อาเจียน ลำไส้เคลื่อนตัวมากผิดปกติ
  • หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะมาก เจ็บขณะปัสสาวะ
  • หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือเต้นเร็ว
  • อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า กระสับกระส่าย ชัก รวมถึงมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
  • เกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นคัน ใบหน้าหรือลำคอบวม หรือหายใจลำบาก