ลาโมไตรจีน (Lamotrigine)
Lamotrigine (ลาโมไตรจีน) จัดเป็นยาในกลุ่มยากันชัก ออกฤทธิ์โดยการปรับสมดุลของคลื่นไฟฟ้าในสมองเพื่อระงับและป้องกันอาการชักชนิดต่าง ๆ ในผู้ป่วยโรคลมชักทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ยาลาโมไตรจีนสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคไบโพลาร์ได้อีกด้วย
รูปแบบของยา Lamotrigine เป็นยาเม็ดสำหรับรับประทาน มักใช้เป็นยาหลักในการรักษาหรือใช้ร่วมกับยาในกลุ่มยากันชักชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยตนเอง ต้องแพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายยาเท่านั้น โดยแพทย์จะเป็นผู้กำหนดรูปแบบและปริมาณของยาให้เหมาะสมต่ออายุและอาการของผู้ป่วยเอง
เกี่ยวกับยา Lamotrigine
กลุ่มยา | ยากันชัก |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | บรรเทาและป้องกันอาการชักในโรคลมชักและรักษาอารมณ์แปรปรวนในโรคไบโพลาร์ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ สำหรับผู้ให้นมบุตร Lamotrigine อาจซึมผ่านน้ำนมได้ ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา |
รูปแบบของยา | ยาเม็ดสำหรับรับประทาน |
คำเตือนการใช้ยา Lamotrigine
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาลาโมไตรจิน ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- แจ้งแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง หากมีประวัติการป่วยเป็นโรคไต โรคตับ โรคเลือด โรคหัวใจ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวนและเคยมีความคิดหรือการกระทำเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย
- งดการขับขี่ การใช้เครื่องจักร หรือการทำงานใด ๆ ที่ต้องใช้สายตา เพราะการรับประทานยา Lamotrigine อาจทำให้เกิดอาการมึน เวียนศีรษะ และทำให้มองเห็นเป็นภาพเบลอ
- หากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เนื่องจากอาจเกิดความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ได้
- หากเป็นผู้ที่ให้นมบุตรควรระมัดระวังในการใช้ยา เนื่องจากยา Lamotrigine อาจซึมผ่านน้ำนมได้ ควรสังเกตทารกอยู่เสมอ หากทารกมีอาการนอนหลับผิดปกติ กินอาหารได้น้อย มีผื่นแดงขึ้นตามตัว หรือหายใจติดขัด ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- เนื่องจากยาคุมกำเนิดจะลดประสิทธิภาพของยา Lamotrigine ดังนั้น ผู้ที่กำลังรับประทานยาคุมกำเนิด ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งว่าเริ่มหรือหยุดรับประทานตอนไหน เพื่อพิจารณาปริมาณในการใช้ยาชนิดนี้
- หากมีอาการแย่ลงหรือมีอาการแทรกซ้อนระหว่างรับประทาน ไม่ควรหยุดยาลาโมไตรจีนด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป
ปริมาณการใช้ยา Lamotrigine
ปริมาณการใช้ยา Lamotrigine ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยแพทย์อาจพิจารณาถึงอายุและความรุนแรงของอาการ ในช่วงแรกจะเริ่มจากยาปริมาณน้อยและค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนเพียงพอต่อการรักษา ตัวอย่างการใช้ยามีดังนี้
อาการชักกระตุกและชักเกร็งในโรคลมชัก
ตัวอย่างการใช้ยา Lamotrigine เพื่อรักษาอาการชักกระตุก ชักเกร็งและโรคลมชัก
ผู้ใหญ่
สำหรับผู้ใหญ่สามารถใช้ Lamotrigine เป็นการรักษาหลักหรือใช้ร่วมกับยาอื่นได้
การใช้ Lamotrigine เป็นยารักษาหลัก
รับประทานยาแบบออกฤทธิ์ทันที (Immediate-release) ปริมาณ 25 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นเพิ่มเป็นวันละ 50 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นเพิ่มปริมาณยาได้ถึง 50–100 มิลลิกรัม ทุก 1–2 สัปดาห์
สำหรับขนาดยาที่ใช้ควบคุมอาการ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 100–200 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถรับประทานวันละ 1 ครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2 ครั้งได้ หากจำเป็นสามารถรับประทานยาได้สูงสุด 500 มิลลิกรัมต่อวัน
การใช้ Lamotrigine ร่วมกับ วาลโปรเอท (Valproate)
ในช่วงแรกรับประทานยาปล่อยตัวยาแบบฤทธิ์นาน (Extended-release) ปริมาณ 25 มิลลิกรัม วันเว้นวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นรับประทานยาทุกวัน วันละครั้งต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ จากนั้นปรับปริมาณเพิ่มสูงสุด 25–50 มิลลิกรัมทุก 1–2 สัปดาห์ ปริมาณยาที่ใช้ควบคุมอาการ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 100–200 มิลลิกรัมต่อวันและสามารถแบ่งรับประทานครั้งเดียวหรือ 2 ครั้ง
เด็กอายุ 2–12 ปี
อาจใช้ยา Lamotrigine แบบออกฤทธิ์ทันที (Immediate-release) ร่วมกับกรดวาลโปรเอท เริ่มต้นรับประทานยา 0.15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นปรับเป็น 0.3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้งนาน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นปรับเป็น 0.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทุก 1–2 สัปดาห์
สำหรับขนาดยาที่ใช้ควบคุมอาการ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 1–5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 200 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถรับประทานครั้งเดียวหรือแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง
โรคไบโพลาร์
ตัวอย่างการใช้ยาเพื่อรักษาอาการของโรคไบโพลาร์
การใช้ Lamotrigine เป็นยารักษาหลัก
รับประทานยาแบบออกฤทธิ์ทันที (Immediate-release) เริ่มต้นรับประทานยา 25 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นเพิ่มปริมาณยาเป็นวันละ 50 มิลลิกรัมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และเพิ่มเป็นวันละ 100 มิลลิกรัมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นรับประทานยาปริมาณวันละ 200 มิลลิกรัม โดยในสัปดาห์ที่ 3 ของการใช้ยาเป็นต้นไป สามารถรับประทานยาในครั้งเดียวหรือแบ่งเป็น 2 ครั้งก็ได้
การใช้ Lamotrigine ร่วมกับ วาลโปรเอท (Valproate)
ในช่วง 2 สัปดาห์แรก รับประทานยาปริมาณ 25 มิลลิกรัม วันเว้นวัน ต่อมาเพิ่มเป็น 25 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นเพิ่มเป็น 50 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และปรับเพิ่มเป็น 100 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน หลังจากสัปดาห์ที่ 5 สามารถรับประทานยาในครั้งเดียวหรือแบ่งรับประทานยา 2 ครั้งก็ได้
การใช้ยา Lamotrigine
การใช้ยา Lamotrigine ควรปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำหรือตามที่ฉลากระบุไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาเกินกว่าที่แพทย์สั่ง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อชีวิตได้ เช่น ภาพเบลอ วิงเวียนศีรษะ เป็นลมและอาจมีอาการชักรุนแรงขึ้น หากเคยรับประทานยาในกลุ่มยากันชักมาก่อนหรือแพ้ยาชนิดนี้ ควรแจ้งแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง
Lamotrigine เป็นยาเม็ดที่มีหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ดธรรมดา ยาเม็ดสำหรับเคี้ยว ยาเม็ดชนิดค่อย ๆ ออกฤทธิ์และออกฤทธิ์ทันที ซึ่งแต่ละแบบใช้รักษาอาการที่แตกต่างกัน ควรตรวจสอบทุกครั้งหลังจากได้รับยาว่ามีปริมาณยา สีหรือรูปร่างที่ถูกต้องหรือไม่ โดยนอกจากยาเม็ดสำหรับเคี้ยวแล้ว ไม่ควรทุบ เคี้ยว หรือบดยาชนิดนี้ก่อนรับประทาน
ในกรณีที่ลืมรับประทานยา Lamotrigine ให้รีบรับประทานยาเม็ดนั้นทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาที่จะรับประทานยาครั้งถัดไป ให้ข้ามการรับประทานยามือที่ลืม และรับประทานยาเม็ดต่อไปได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเป็น 2 เท่า หากลืมรับประทานยาเกิน 5 วัน ควรปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจต้องวางแผนการรับประทานยาใหม่อีกครั้ง การเก็บยาควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่โดนแสงแดดและความชื้น
ปฏิกิริยาระหว่างยา Lamotrigine กับยาอื่น
ยาบางชนิดอาจมีปฏิกิริต่อยา Lamotrigine ดังนี้
- ยาในกลุ่มยากันชักอื่น ๆ เช่น โซเดียม วาลโปเลท (Sodium valproate) เฟนิโทอิน (Phenytoin) และอื่น ๆ
- ยารักษาโรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เช่น ยาโลพินาเวียร์ (Lopinavir) ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) และอะทาซานาเวียร์ (Atazanavir)
- ยารักษาวัณโรค เช่น ไรแฟมพิซิน (Rifampicin)
- ยารักษาอาการทางจิตเวช เช่น บูโพรพิออน (Bupropion) ลิเทียม (Lithium) และ อะริพิพลาโซ (Aripiprazole)
- ยาคุมกำเนิด
อาจมียาชนิดอื่นอีกที่สามารถส่งผลต่อการทำงานของยา Lamotrigine ดังนั้น หากกำลังรับประทานยา สมุนไพรหรืออาหารเสริมใดอยู่ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อที่พิจารณาถึงผลกระทบก่อนวางแผนการรักษาต่อไป
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Lamotrigine
ผลข้างเคียงโดยทั่วไปจากการใช้ยา Lamotrigine คือ วิงเวียนศีรษะ อาเจียน มีปัญหาด้านการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพเบลอหรือภาพซ้อน สูญเสียการทรงตัว ผื่นแดง อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัว มีไข้ ปากแห้ง ปวดท้อง ท้องเสีย อ่อนเพลีย ปวดหลังและนอนไม่หลับ
หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงอย่างอื่นร่วมด้วย ควรพบแพทย์ทันที เช่น
- หายใจไม่ออก เป็นลม
- มีปัญหาเกี่ยวกับผิวอย่างรุนแรง เช่น มีแผลพุพองขึ้นตามตัว ผิวบอบบางต่อแสงแดด มีเลือดออกผิดปกติและมีรอยช้ำ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือมีอาการเจ็บหน้าอก
- การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ซึมเศร้า พฤติกรรมก้าวร้าวและอาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
นอกจากนี้ การใช้ยา Lamotrigine อาจก่อเกิดอาการแพ้ได้ เช่น ตา ใบหน้า ปาก ลิ้นหรือคอบวม ระคายเคืองตา เป็นลมพิษและหายใจลำบาก หากมีสัญญาณของอาการผิดปกติหรือรุนแรงขึ้นขณะใช้ยา ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที