วัคซีนงูสวัด (Shingles Vaccine)
วัคซีนงูสวัด (Shingles Vaccine) เป็นวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสวีซีวี (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกันกับต้นเหตุโรคอีสุกอีใส โดยวัคซีนผลิตมาจากเชื้อไวรัสมีชีวิตที่ถูกทำให้มีฤทธิ์อ่อนจนไม่สามารถก่อโรคได้ แค่เพียงพอต่อการกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกาย โดยจะฉีดเพียงแค่เข็มเดียวเท่านั้น หรือจากเชื้อที่ตายแล้วซึ่งต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ทว่าการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้แม้วัคซีนงูสวัดและวัคซีนอีสุกอีใสจะช่วยป้องกันเชื้อโรคชนิดเดียวกัน แต่จะนำมาใช้แทนกันไม่ได้
วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและระยะเวลาที่เกิดโรคให้สั้นลง โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัดในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ทั้งที่เคยเป็นหรือไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส หรือไม่เคยมีประวัติป่วยเป็นงูสวัด หรือเคยได้รับวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็นมาก่อน
เกี่ยวกับวัคซีนงูสวัด
กลุ่มยา | วัคซีนป้องกันโรค |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ป้องกันโรคงูสวัด |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป |
รูปแบบของยา | ยาฉีด |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | หญิงตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีนงูสวัดเสมอ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือบุตรได้ |
คำเตือนในการฉีดวัคซีนงูสวัด
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการฉีดวัคซีนงูสวัด ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ห้ามใช้วัคซีนงูสวัดกับผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรือส่วนผสมในวัคซีนชนิดนี้ ผู้ที่กำลังป่วยเป็นโรคงูสวัด และผู้ที่มีผลทดสอบเชื้อไวรัสวีซีวีเป็นลบ หากมีปฏิกิริยาการแพ้หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับวัคซีนงูสวัด หรือทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้นได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีดวัคซีน หากมีประวัติทางสุขภาพ เช่น แพ้เจลาติน แพ้ยาปฏิชีวนะอย่างยานีโอมัยซิน มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคเอดส์ การติดเชื้อเอชไอวี มะเร็ง ใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างยาสเตียรอยด์หรือยาอะดาลิมูแมบ เข้ารับการฉายรังสีหรือทำเคมีบำบัด ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น
- ผู้ที่มีไข้หรือป่วยด้วยโรคไม่รุนแรงอย่างไข้หวัดควรรอให้หายดีก่อนจึงค่อยฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนงูสวัด
โดยทั่วไป วัคซีนงูสวัดจะฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยในการดูแลตนเองหลังการฉีดวัคซีนสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ทันที รวมทั้งผู้ป่วยควรไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายให้ครบทุกเข็ม
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนงูสวัด
แม้ว่าวัคซีนงูสวัดจะมีความปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการบวม แดง คัน หรือเจ็บผิวหนังบริเวณที่ฉีดวัคซีน อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ปวดท้อง ตัวสั่น หรือมีไข้ นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายยังอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่มักพบได้น้อยมาก เช่น
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ใบหน้าบวม ลมพิษ ผิวหนังแดงหรืออุ่น หายใจลำบากหรือหายใจมีเสียงหวีด เวียนศีรษะ หัวใจเต้นผิดปกติ หรือชีพจรเต้นเร็ว เป็นต้น
- ผื่นหรืองูสวัดหลังจากวัคซีนชนิดเชื้อเป็น
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการหรือความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมทันที