ความหมาย หลังค่อม (Kyphosis)
หลังค่อม (Kyphosis) คือ เป็นความผิดปกติของกระดูกสันหลังชนิดหนึ่งที่ทำให้กระดูกสันหลังโค้งนูนมากผิดปกติ โดยอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น รู้สึกปวดหรือตึงบริเวณหลัง เจ็บที่กระดูกสันหลัง ซึ่งหลังค่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พัฒนาการของกระดูกสันหลังผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์ การนั่ง ยืน หรือเคลื่อนไหวท่าทางไม่ถูกต้อง กระดูกสันหลังเสื่อมตามวัย
หลังค่อมสามารถพบได้ในเด็ก วัยรุ่น และในผู้สูงอายุ ถึงแม้ว่าอาการหลังค่อมส่วนใหญ่อาจไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ในผู้ที่มีอาการหลังค่อมรุนแรง ควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างเหมาะสม เพราะหลังค่อมอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การเคลื่อนไหวลำบาก การรับประทานอาหาร การย่อยอาหาร
สาเหตุของหลังค่อม
หลังค่อมเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณกระดูกสันหลังส่วนอกที่โค้งนูนมากผิดปกติ ซึ่งหลังค่อมที่พบทั่วไปอาจแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
- Postural Kyphosis เป็นผลมาจากการทำท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น การงอหลัง หรือการสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมาก ทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ประคองกระดูกสันหลังยืดหรือถ่างออก และดึงให้กระดูกสันหลังผิดรูป
- Scheuermann's Kyphosis เป็นผลมาจากปริมาณเลือดไปเลี้ยงกระดูกสันหลังไม่เพียงพอ ทำให้กระดูกสันหลังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่และเส้นเอ็นรอบบริเวณกระดูกสันหลังมีความหนากว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นลักษณะหนึ่งทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดกันภายในครอบครัว
- Congenital Kyphosis เกิดจากภาวะกระดูกสันหลังพัฒนาผิดปกติตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ โดยผู้ป่วยอาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือไตร่วมด้วย
นอกจากนี้ ยังอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการหลังค่อม เช่น
- การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลัง
- อายุ เมื่อมีอายุมากขึ้น กระดูกสันหลังจะโค้งมากขึ้น
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ทำให้กระดูกไม่แข็งแรงและแตกหักได้ง่าย
- โรคกระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis) รวมถึงหมอนรองกระดูกและเส้นเอ็นของกระดูกสันหลังที่เสื่อมไปตามวัย
- อาการสไปนา ไบฟิดา (Spina Bifida) เป็นอาการที่กระดูกสันหลังพัฒนาได้ไม่ถูกต้อง
- โรคพาเจท (Paget's Disease) เป็นอาการที่เกิดจากปัญหาของการฟื้นฟูกระดูก ส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรงหรืออาจทำให้ผิดรูปได้
- โรคนิวโรไฟโบรมาโตซิส (Neurofibromatosis) หรือโรคท้าวแสนปมเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีผลต่อระบบประสาท
- โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ และอาจมีโอกาสพิการได้
- วัณโรค เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณปอด หรือกระดูกสันหลัง
- โรคมะเร็ง ที่เกิดขึ้นบริเวณกระดูกสันหลังหรือลุกลามมาจากเชื้อมะเร็งในอวัยวะอื่น ๆ
อาการหลังค่อม
หลังค่อมจะมีอาการที่สังเกตได้ชัดคือ ลักษณะของหลังที่โค้งนูนมากกว่าปกติหรือมีลักษณะที่แปลกไป โดยปกติกระดูกสันหลังตอนบนจะมีลักษณะโค้งตามธรรมชาติอยู่ที่ประมาณ 20–45 องศา แต่ในผู้ที่มีอาการหลังค่อมจะมีความโค้งตั้งแต่ 50 องศาขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับสาเหตุและองศาความโค้งนูนของหลังในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น
- ไหล่ที่ห่อไปทางด้านหน้า
- รู้สึกปวดหรือตึงที่บริเวณหลัง
- รู้สึกเจ็บที่บริเวณกระดูกสันหลังหรือเมื่อยล้า
- รับประทานอาหารหรือหายใจลำบาก
อาการหลังค่อมที่ควรไปพบแพทย์
หลังค่อมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กหรือวัยรุ่นในช่วงที่มีการพัฒนาของกระดูกอย่างรวดเร็ว หากพบว่ากระดูกสันหลังตอนบนโค้งนูนของผิดปกติ ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุ และหาแนวทางการรักษาหลังค่อมให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ หลังค่อมอาจส่งผลให้เส้นประสาทถูกกระดูกสันหลังกดทับ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบอาการต่าง ๆ เช่น แขนและขาเกิดอาการชาหรืออ่อนแรง มีปัญหาด้านการทรงตัว กลั้นปัสสาวะหรือขับถ่ายไม่ได้
การวินิจฉัยหลังค่อม
อาการหลังค่อมวินิจฉัยได้หลายวิธี โดยแพทย์ซักประวัติผู้ป่วย สอบถามเกี่ยวกับอาการ และตรวจร่างกาย โดยบางรายอาจมีกระดูกสันหลังที่โค้งนูนอย่างเห็นได้ชัดถึงอาการหลังค่อม แต่ในบางรายที่อาการไม่ชัดเจน แพทย์อาจใช้ Adam's Forward Bend Test ซึ่งเป็นวิธีวินิจฉัยโดยให้ผู้ป่วยยืนเท้าชิดกัน เข่าตรง ก้มตัวไปด้านหน้า และยืดแขน 2 ข้างไปแตะที่พื้น เพื่อตรวจหาความโค้งนูนที่ผิดปกติของกระดูกสันหลัง
อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- การเอกซเรย์ (X-Rays) เพื่อตรวจหาองศาความโค้งของกระกระดูกสันหลัง และตรวจหาความผิดปกติของกระดูกสันหลัง
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อวินิจฉัยข้อมูลเพิ่มเติมหลังการเอกซเรย์
- การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) แพทย์อาจใช้วิธีนี้ หากสงสัยว่าหลังค่อมเกิดจากเนื้องอกหรือการติดเชื้อ
- การตรวจระบบประสาท (Neurological Tests) ในผู้ที่มีอาการชา รู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มแทง หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงในช่วงล่างของร่างกาย อาจต้องตรวจระบบประสาทเพื่อทดสอบการตอบสนอง การเคลื่อนตัวของกระแสประสาท
- การทดสอบสมรรถภาพของปอด (Pulmonary Function Tests) เพื่อวินิจฉัยและทดสอบการหายใจ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหลังค่อมมาก
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น วัณโรค
การรักษาหลังค่อม
การรักษาอาการหลังค่อมทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุและสุขภาพของผู้ป่วย ประเภทและอาการของหลังค่อม หรือองศาความโค้งนูนของกระดูกสันหลังในผู้ป่วยแต่ละราย โดยแนวทางในการรักษาแบ่งได้ 2 ประเภท คือ การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด และการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
การรักษาหลังค่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด
การรักษาหลังค่อมโดยไม่ผ่าตัดอาจเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อมที่มีผลมาจากการทำท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน หรือผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อมแบบ Scheuermann's Kyphosis แต่มีความโค้งของกระดูกสันหลังไม่เกิน 75 องศา โดยแพทย์จะมีแนวทางการรักษาดังต่อไปนี้
- การทำกายภาพบำบัด เพื่อบรรเทาอาการปวด และเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังและท้อง ยืดเอ็นร้อยหวาย รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายโดยเฉพาะในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากแนวโค้งของกระดูกสันหลัง
- การรับประทานยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือยานาพรอกเซน (Naproxen)
- การใช้อุปกรณ์ค้ำกระดูก (Bracing) แพทย์อาจแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ค้ำกระดูกในผู้ป่วยเด็กที่มีอาการหลังค่อมแบบ Scheuermann's Kyphosis จนกว่ากระดูกจะเจริญเติบโตเต็มที่ โดยประเภทของอุปกรณ์และระยะเวลาการใช้ในแต่ละวันขึ้นอยู่กับองศาความโค้งของกระดูกสันหลัง
การรักษาหลังค่อมด้วยวิธีการผ่าตัด
การผ่าตัดอาจเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อมแบบ Congenital Kyphosis รวมถึงผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อมแบบ Scheuermann's Kyphosis แต่มีความโค้งของกระดูกสันหลังเกิน 75 องศา และผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง หรืออาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
โดยแพทย์อาจผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion) เพื่อลดองศาความโค้งของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้อาการปวดหลังดีขึ้น รวมถึงป้องกันอาการอื่น ๆ ที่อาจตามมา
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การติดเชื้อ หลังการผ่าตัด เลือดออกมากที่แผลผ่าตัด รวมถึงเส้นประสาทอาจได้รับความเสียหาย ซึ่งในบางกรณีอาจส่งผลให้การทำงานของกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ผิดปกติ และในบางกรณีอาจส่งผลให้เป็นอัมพาตได้ แต่พบได้ไม่บ่อยนัก
ภาวะแทรกซ้อนของหลังค่อม
หลังค่อมอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น
- อาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งอาการอาจไม่บรรเทาลงหลังรับประทานยาแก้ปวด
- ไม่สามารถการเคลื่อนไหวได้สะดวก ความโค้งของกระดูกสันหลังอาจทำให้การเดิน การลุก การเงยหน้า หรือการขับรถลำบากมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้นอนราบไม่สะดวก เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บหลังได้
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ในผู้ป่วยที่มีองศาของกระดูกสันหลังหรือมีความโค้งมาก อาจส่งผลให้กระดูกไปกดทับปอดหรือทางเดินหายใจได้
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ในผู้ที่มีอาการหลังค่อมรุนแรง อาจส่งผลให้เกิดการกดทับอวัยวะต่าง ๆ ในระบบทางเดินอาหาร และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น กรดไหลย้อน กลืนลำบาก
- ปัญหาทางอารมณ์และจิตใจ เด็กที่มีอาการหลังค่อมอาจรู้สึกอาย ไม่อยากเข้าสังคม รวมถึงไม่อยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจเป็นการเปิดเผยอาการหลังค่อมให้ผู้อื่นรู้
- เส้นประสาทถูกกระดูกสันหลังกดทับ ซึ่งเป็นภาวะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเส้นประสาทที่วิ่งผ่านกระดูกสันหลังถูกกดทับ
การป้องกันหลังค่อม
หลังค่อมบางประเภทอาจไม่สามารถป้องกันได้ แต่สำหรับหลังค่อมที่เกิดจากการทำท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานานอาจป้องกันได้ โดยการป้องกันหลังค่อมสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- นั่งหรือยืนในท่าทางที่ถูกต้อง เช่น หลังตรง ไม่ห่อตัว อกผาย ไหล่ผึ่ง
- หลีกเลี่ยงการสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมาก
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การว่ายน้ำ การวิ่ง การเดิน การเล่นโยคะ การเล่นพิลาทิส เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อหลัง ท้อง และหน้าอก ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงกระดูกสันหลัง
ถึงแม้ว่าหลังจากรักษาหลังค่อมจนหายดีแล้ว แต่หลังค่อมยังอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้น การป้องกันด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้อาจช่วยป้องกันไม่ให้หลังค่อมกลับมาเป็นซ้ำได้