อินซูลิน ลิสโปร (Insulin Lispro)
Insulin Lispro (อินซูลิน ลิสโปร) คือ ฮอร์โมนที่อยู่ในรูปแบบยาฉีดใช้รักษาระดับน้ำตาลในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 โดยยา Insulin Lispro จะออกฤทธิ์ 15 นาทีหลังจากฉีดยาและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ 2-4 ชั่วโมง ซึ่งรวดเร็วกว่าอินซูลินชนิดออกฤทธิ์ปกติ ยานี้อาจมีผลข้างเคียงจากการใช้จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียด นอกจากนี้ยา Insulin Lispro ยังอาจนำไปรักษาภาวะสุขภาพอื่น ๆ ได้ตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา Insulin Lispro
กลุ่มยา | ฮอร์โมนอินซูลิน |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ใช้รักษาโรคเบาหวาน |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาฉีด |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป |
คำเตือนในการใช้ยา Insulin Lispro
การใช้ยา Insulin Lispro มีสิ่งที่ควรทราบก่อนใช้ ดังนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะยาอาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคไต โรคตับ ภาวะไทรอยด์บกพร่อง และภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากร่างกายมีการบาดเจ็บ มีไข้ มีการติดเชื้อ หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัด เนื่องจากจำเป็นต่อการวางแผนการรักษา ยาที่ใช้ รวมถึงการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการรักษาและการผ่าตัดเกี่ยวกับยาที่กำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมที่กำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาไพโอกลิตาโซน และยาโรซิกลิทาโซน เนื่องจากการใช้ยารักษาโรคเบาหวานร่วมกับการใช้อินซูลินอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อหัวใจได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อกำหนดเวลาในการใช้ รวมถึงการสั่งจ่ายยาสำรอง
- ห้ามใช้ยา Insulin Lispro ในช่วงที่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ห้ามใช้ยา Insulin Lispro เพื่อรักษาโรคเบาหวานในเด็กทุกช่วงวัย
- ห้ามเปลี่ยนชนิดหรือยี่ห้อของอินซูลินโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ห้ามใช้ยาอินซูลินลิสโปรเข้มข้น (200 หน่วย) ร่วมกับเครื่อง Insulin pump หรือผสมร่วมกับอินซูลินชนิดอื่น
- ห้ามใช้เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์สำหรับฉีดยารูปแบบอื่น ๆ ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้
- ผู้ที่ใช้ Infusion pump หรือเครื่องจำลองตับอ่อน ห้ามเจือจางอินซูลิน และห้ามใช้ส่วนผสมอื่น ๆ ร่วมกับเครื่อง Infusion pump
- ยานี้อาจทำให้ง่วงซึม หน้ามืด หรือมองเห็นไม่ชัด จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะทุกชนิดและควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดที่อาจทำให้ผลข้างเคียงเหล่านี้รุนแรงขึ้น
- เด็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่ได้รับผลข้างเคียงจากยามากกว่าคนกลุ่มอื่น โดยเฉพาะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนและหลังออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้
- การตั้งครรภ์อาจส่งผลให้อาการของโรคเบาหวานรุนแรงขึ้น ดังนั้น สตรีมีครรภ์หรือคาดว่าตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์ก่อนการรักษา เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการปรับอาหาร โภชนาการ และยาในการรักษา
- ยาอินซูลินลิสโปรสามารถส่งผ่านน้ำนมได้ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอันตรายต่อทารกได้หรือไม่ รวมทั้งแพทย์อาจปรับเปลี่ยนปริมาณยาสำหรับผู้ที่กำลังให้นมบุตร จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มให้นมบุตร
- ในกรณีได้รับยาเกินขนาดและมีอาการง่วงซึม สับสน มองเห็นไม่ชัด หรือรู้สึกชาหรือเหน็บบริเวณปาก ควรรีบไปพบแพทย์
ปริมาณการใช้ยา Insulin Lispro
ปริมาณการใช้ยา Insulin lispro อาจขึ้นอยู่กับโรค อายุ และการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
โรคเบาหวาน
ตัวอย่างการใช้ยาอินซูลินลิสโปรในการรักษาโรคเบาหวาน โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
ผู้ใหญ่ ใช้ยา Insulin Lispro ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที หรือใช้หลังมื้ออาหารทันที โดยปริมาณในการใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะทางร่างกาย และการตอบสนองต่อของดัชนีน้ำตาลหรือระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะตับหรือไตบกพร่อง แพทย์อาจปรับลดปริมาณยาตามความเหมาะสม
การใช้ยา Insulin Lispro
ข้อควรรู้ในการใช้ยา Insulin lispro มีดังนี้
- ใช้ยาตามฉลากยาและตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรที่จ่ายยาให้
- ยา Insulin Lispro เป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อทดแทนฮอร์โมนอินซูลินของร่างกาย โดยฮอร์โมนทดแทนนี้จะออกฤทธิ์ได้รวดเร็วกว่า แต่ไม่ยาวนานเท่ากับอินซูลินที่สร้างขึ้นโดยร่างกาย
- ยานี้อาจใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่น ๆ
- ยานี้มักใช้ร่วมกับฮอร์โมนอินซูลินทดแทนชนิดออกฤทธิ์นานปานกลางและออกฤทธิ์ยาวนานชนิดอื่น ๆ
- ก่อนใช้ยาควรตรวจสอบว่ายาอยู่ในสภาพพร้อมใช้หรือไม่ หากมีการจับตัวกันเป็นอนุภาคเล็ก ๆ หรือมีสีที่แปลกไป ห้ามใช้ยาและแจ้งเภสัชกรเพื่อเปลี่ยนยาใหม่ นอกจากนี้ ควรใช้ยาที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้ ซึ่งจะมีลักษณะใส ไม่ขุ่น และไม่มีสี
- ก่อนการใช้ยาควรใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะทำการฉีดเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
- ควรเปลี่ยนตำแหน่งการฉีดทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงอาการผิดปกติของผิวหนัง
- ยา Insulin Lispro สามารถฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ต้นขา สะโพก หรือหลังต้นแขนด้านบน
- ห้ามฉีดยาลงบนผิวหนังที่มีความผิดปกติ อย่างอาการบวม แดง หรือคัน
- ห้ามใช้ยา Insulin Lispro ในขณะที่ยากำลังเย็นฉีดเข้าร่างกาย เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการปวดได้
- แพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดยาอินซูนลิสโปรเข้าร่างทั้งการฉีดเข้าผิวหนังและหลอดเลือด
- ห้ามฉีดยานี้เข้าเส้นหรือกล้ามเนื้อโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ
- ห้ามเกาหรือถูผิวหนังหลังการฉีดยา
- แพทย์มักแนะนำให้ฉีดยาก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที หรือหลังจากมื้ออาหารทันที
- แพทย์อาจจ่ายฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon) สำหรับในกรณีฉุกเฉิน อย่างเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงหรือผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ โดยครอบครัวหรือคนใกล้ตัวผู้ป่วยควรเรียนวิธีการฉีดฮอร์โมนชนิดนี้จากแพทย์ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
- ผู้ที่ใช้เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือด (Infusion Pump) ควรอ่านวิธีการใช้และปฏิบัติตามโดยละเอียด หลีกเลี่ยงไม่ให้เครื่องนี้โดนแสงแดดหรือความร้อน
- ยานี้อาจใช้ผสมร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ โดยควรดึงยา Insulin Lispro ก่อน ตามด้วยอินซูลินชนิดออกฤทธิ์ยาวนาน หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์
- ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผสมยานี้ร่วมกับของเหลวเพื่อเจือจางยา หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลเลือดเป็นประจำ และควรจดบันทึกระดับน้ำตาลเพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์และการวางแผนการรักษาได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ควรใช้ยาในเวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน
- หลังจากใช้ยาหากอาการยังไม่ดีขึ้น หรืออาการทรุดลงควรไปพบแพทย์
- ในกรณีลืมใช้ยา ควรใช้ยาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ และควรรับประทานอาหารหลังจากใช้ยา 15 นาที โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
- เก็บยาให้ห่างจากแสงและความร้อน ห้ามแช่ช่องแข็งหรือวางใกล้กับของที่เย็นจัด ในกรณีที่ยาเป็นน้ำแข็งห้ามนำมาใช้และนำไปทิ้งอย่างเหมาะสม
- บรรจุภัณฑ์ยาที่ยังไม่เปิดใช้ หากเก็บในตู้เย็นยาสามารถใช้ได้จนถึงวันหมดอายุ หากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องควรนำมาใช้ภายใน 28 วัน
- บรรจุภัณฑ์ยาที่เปิดใช้แล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นและควรใช้ให้หมดภายใน 28 วัน หากเป็นรูปแบบปากกาฉีดยาที่ยังไม่สวมเข็มฉีดยาสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง 28 วัน
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Insulin Lispro
การใช้ยาอินซูลินลิสโปรอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป อย่างปวดตามร่างกาย คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอ คออักเสบ เหนื่อยล้า อ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ และน้ำเสียงเปลี่ยน นอกจากนี้ ผิวหนังในบริเวณที่ฉีดยาอาจบวมแดง และคันได้ แม้ว่าอาการเหล่านี้อาจพบได้ทั่วไป แต่ถ้าอาการรุนแรงขึ้น หรือไม่หาย ควรรีบไปพบแพทย์
นอกจากนี้ ยาอินซูลินลิสโปรก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ดังนี้
- ผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจพบได้ทั่วไป เช่น อยากอาหาร ง่วงซึม พูดไม่ชัด เครียด วิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า มองเห็นไม่ชัด ปวดศีรษะ ปวดหลัง มีไข้ หงุดหงิดง่าย หนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว ฝันร้าย รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ ชัก เป็นเหน็บบริเวณมือ เท้า ปาก และลิ้น เป็นต้น
- ผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจพบได้น้อย เช่น ผิวแห้ง แดง หรือระคายเคือง เป็นต้น
- ผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจพบได้ยาก เช่น ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดความผิดปกติ ปากแห้ง ชีพจรเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ เป็นตะคริวหรือปวดกล้ามเนื้อ เวียนศีรษะ มีผื่นแดงทั่วตัว เหงื่อออก อาเจียน เป็นต้น
- ผลข้างเคียงจากการแพ้ยา อย่างหายใจลำบาก มีอาการบวมบริเวณใบหน้า ปาก ลิ้น คอ หรือเป็นลมพิษ
โดยหากเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบแจ้งแพทย์ให้ทราบ