เดสโมเพรสซิน (Desmopressin)
Desmopressin (เดสโมเพรสซิน) เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่นำมาใช้รักษาโรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง (Central Diabetes Insipidus) อาการปัสสาวะบ่อยหลังการผ่าตัดที่ศีรษะหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturnal Enuresis)
โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ควบคุมหรือลดการขับปัสสาวะ ช่วยให้กระหายน้ำหรือปัสสาวะน้อยลงในแต่ละวัน และป้องกันภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้ ยา Desmopressin อาจนำไปใช้รักษาโรคหรือภาวะอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา Desmopressin
กลุ่มยา | ฮอร์โมนสังเคราะห์ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาอาการกระหายน้ำหรือปัสสาวะบ่อยจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นทางจมูก ยาฉีด |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป ดังนั้น สตรีมีครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์และผู้ที่กำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด |
คำเตือนในการใช้ยา Desmopressin
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยา Desmopressin รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา Desmopressin จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะยาต้านเศร้า ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ ยาต้านชัก และยาแก้ปวดลดการอักเสบกลุ่มเอ็นเสด (NSAID)
- ผู้ป่วยโรคไตหรือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำไม่ควรใช้ยา Desmopressin
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ภาวะหัวใจวาย กลุ่มอาการของการหลั่งฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะไม่เหมาะสม (SIADH) กำลังใช้ยาขับปัสสาวะหรือยาสเตียรอยด์ หรือมีภาวะกระหายน้ำอย่างรุนแรงจากปัญหาสุขภาพ ไม่ควรใช้ยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยาหากผู้ป่วยเคยมีประวัติทางสุขภาพ อาทิ ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย กระหายน้ำอย่างผิดปกติ อาการบวมน้ำ ภาวะหัวใจวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ปัญหาการมีเลือดออกหรือการแข็งตัวของเลือดช้า ปัญหาในการขับปัสสาวะ โรคไต หรือโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis)
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากผู้ป่วยเสี่ยงต่อการสูญเสียน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย เช่น มีไข้ ท้องเสีย อาเจียน การติดเชื้อต่าง ๆ หรือต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติในบางสถานการณ์ อย่างอยู่กลางแจ้งท่ามกลางอากาศร้อน ออกกำลังกายหนัก หรือมีเหงื่อออกอย่างต่อเนื่อง เพราะแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดหรือปรับการใช้ยา Desmopressin โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาขาดน้ำ ควรได้รับการรักษาให้หายดีก่อน แพทย์จึงจะเริ่มการใช้ยา Desmopressin
- ก่อนเริ่มรักษาหรือในขณะที่ใช้ยานี้ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ การตรวจวัดความดันโลหิต และการตรวจวัดระดับโซเดียมในเลือด
- ผู้ป่วยเด็กอาจไวต่อผลข้างเคียง โดยเฉพาะภาวะน้ำและแร่ธาตุในร่างกายไม่สมดุลกัน และภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เช่นเดียวกับผู้ป่วยสูงอายุที่เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงดังกล่าวอย่างรุนแรง เนื่องจากไตที่ทำหน้าที่ขับยาออกจากร่างกายทำงานน้อยลงและเสื่อมสภาพไปตามอายุ
- ไม่อนุญาตให้ใช้ยา Desmopressin รักษาปัสสาวะรดที่นอนในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี รวมถึงยาชนิดอมใต้ลิ้นในผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยการใช้ยาในเด็กควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลจากแพทย์เท่านั้น
ปริมาณการใช้ยา Desmopressin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้
ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนแบบปฐมภูมิ (Primary Nocturnal Enuresis)
ตัวอย่างการใช้ยา Desmopressin เพื่อรักษาปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนแบบปฐมภูมิ
เด็กที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ เริ่มรับประทานยาก่อนนอนปริมาณ 200 ไมโครกรัม โดยอาจปรับปริมาณได้ถึง 600 ไมโครกรัม ตามการตอบสนองต่อยาที่ต้องการ
ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
ตัวอย่างการใช้ยา Desmopressin เพื่อรักษาปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
ผู้ใหญ่ ใช้ยาปริมาณ 10–20 ไมโครกรัม พ่นทางจมูกก่อนนอน
โรคเบาจืดจากความผิดปกติของสมอง
ตัวอย่างการใช้ยา Desmopressin ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง
ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เข้าชั้นผิวหนัง และใต้ชั้นผิวหนัง
- เด็ก ใช้ยาปริมาณ 0.4 ไมโครกรัม วันละครั้ง
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาปริมาณ 1–4 ไมโครกรัม วันละครั้ง
ยาพ่นทางจมูก
- เด็ก ใช้ยาปริมาณ 5–20 ไมโครกรัมต่อวัน หากเป็นทารกอาจต้องใช้ยาในปริมาณต่ำกว่า
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาปริมาณ 10–20 ไมโครกรัม วันละ 1 หรือ 2 ครั้ง
ยารับประทาน
- เด็กและผู้ใหญ่ เริ่มใช้ยาปริมาณ 100 ไมโครกรัม วันละ 3 ครั้ง โดยปรับปริมาณยาตามการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย ปริมาณยาที่ใช้รักษาต่อเนื่องจะอยู่ที่ 100–200 ไมโครกรัม วันละ 3 ครั้ง ไปจนถึง 100–1,200 ไมโครกรัมต่อวัน
ยาอมใต้ลิ้น
- เด็กและผู้ใหญ่ เริ่มใช้ยาปริมาณ 60 ไมโครกรัม วันละ 3 ครั้ง ปริมาณยาที่ใช้รักษาต่อเนื่องจะอยู่ที่ 60–120 ไมโครกรัม วันละ 3 ครั้ง ไปจนถึง 720 ไมโครกรัมต่อวัน
การใช้ยา Desmopressin
วิธีการใช้ยา Desmopressin เพื่อความปลอดภัยมีดังนี้
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์เคร่งครัด โดยไม่ปรับปริมาณยาด้วยตัวเอง หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
- ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มใด ๆ ก่อนใช้ยาก่อนนอน 1 ชั่วโมง และไม่ควรดื่มอะไรเลยจนถึงตอนเช้าหรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมงหลังการใช้ยาก่อนนอน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ขณะใช้ยานี้ เพราะการดื่มน้ำตามมาก ๆ อาจทำให้แร่ธาตุในร่างกายเสียสมดุลจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
- ผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับชนิดของเครื่องดื่มและปริมาณในการดื่มที่เหมาะสม เพราะอาจเสี่ยงต่ออาการบวมน้ำ
- หากแพทย์แนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบยาจากชนิดพ่นจมูกไปเป็นชนิดรับประทาน ผู้ป่วยควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังใช้ยา Desmopressin ชนิดพ่นจมูก แล้วค่อยเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดรับประทาน
- หากผู้ป่วยใช้ยาชนิดอมใต้ลิ้น ควรใช้ยานี้ก่อนนอน 1 ชั่วโมงโดยสอดไว้ใต้ลิ้นและรอให้ยาละลาย และควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน
- ผู้ป่วยควรใช้ยาให้ตรงเวลาทุกวัน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหรือตัวยาใช้ไม่ได้ผล ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเร็ว
- หากผู้ป่วยลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงช่วงเวลาของยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ โดยห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- หากผู้ป่วยใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดอาจก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ สับสน ง่วงซึม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมีปัญหาในการปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Desmopressin
การใช้ยา Desmopressin อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้าแดง ปากแห้ง คลื่นไส้ และปวดท้อง หากอาการเหล่านี้ยังคงอยู่เป็นเวลานานหรือมีอาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีการรักษาและบรรเทาอาการที่เหมาะสม
ในกรณีที่มีอาการรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยด่วน
- มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่น คัน หายใจลำบาก อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง เป็นต้น
- มีระดับโซเดียมในเลือดต่ำ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะผิดปกติ สับสน เห็นภาพหลอน กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง อ่อนแรงอย่างรุนแรง อ่อนเพลียผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกกระสับกระส่าย แต่มักพบได้น้อย
- อาการรุนแรงอื่น ๆ เช่น หน้าแดง มีอาการบวม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ชัก หายใจตื้น หรือเวียนศีรษะคล้ายจะหมดสติ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ควรจดบันทึกและแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาเพิ่มเติม