แดพโซน (Dapsone)

แดพโซน (Dapsone)

Dapsone (แดพโซน) เป็นยาต้านเชื้อแบคทีเรียที่ใช้รักษาโรคเรื้อนชนิดต่าง ๆ อาการผื่นคันคล้ายตุ่มน้ำใส (Dermatitis Herpetiformis) และโรคผิวหนังบางชนิด โดยตัวยาจะยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและบรรเทาการอักเสบ

นอกจากนี้ ยา Dapsone สามารถนำไปใช้รักษาโรคอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น โรคมาลาเรีย โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมซิสติส จิโรเวซิไอ (Pneumocystis Jirovecii Pneumonia) และโรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เป็นต้น

แดพโซน (Dapsone)

เกี่ยวกับยา Dapsone

กลุ่มยา กลุ่มยาซัลโฟน (Sulfone)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาโรคเรื้อนบางชนิด ป้องกันโรคมาลาเรีย โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมซิสติสจิโรเวซิไอ และโรคท็อกโซพลาสโมซิส
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่ เด็ก
รูปแบบของยา ยารับประทานและยาทา
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ และไม่ควรให้นมบุตรในระหว่างการใช้ยา Dapsone เพราะตัวยาอาจส่งผ่านน้ำนมไปสู่ทารก

คำเตือนในการใช้ยา Dapsone

ข้อควรทราบเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ยา Dapsone มีดังนี้

  • แจ้งแพทย์และเภสัชกรหากมีอาการแพ้ยาจากยา Dapsone และยาชนิดอื่น รวมถึงอาการแพ้สารอื่น ๆ โดยผู้ป่วยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับส่วนประกอบของยา Dapsone ก่อนการใช้
  • เพื่อป้องกันอันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากรับประทานวิตามิน สมุนไพร และยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เช่น ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ยาไซโดวูดีน (Zidovudine) ยาซาควินาเวียร์ (Saquinavir) ยาอะทาซานาเวีย (Atazanavir) ยาไรฟาบูติน (Rifabutin) เป็นต้น
  • แจ้งให้แพทย์และทราบถึงประวัติทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรคตับ โรคหัวใจ โรคปอด ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือโรคเบาหวาน ภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรง โรคเลือดบางชนิด อย่างภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD Deficiency) และภาวะโลหิตจาง
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา Dapsone หากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์
  • ยา Dapsone อาจทำให้ผิวไวต่อแสง ทำให้ผิวไหม้จากแสงแดดได้ง่าย หากต้องอยู่กลางแจ้งควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปหรือปกป้องผิวด้วยวิธีอื่น
  • ระมัดระวังการใช้ยา Dapsone ในเด็ก เพราะเด็กจะไวต่อการแพ้ยาชนิดนี้มากกว่าวัยอื่น ๆ
  • การใช้ยา Dapsone อาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ จึงควรหลีกเลี่ยงการขับรถ การทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวหรือการใช้เครื่องจักร รวมทั้งควรจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้รู้สึกมึนศีรษะมากขึ้นได้

ปริมาณการใช้ยา Dapsone

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Dapsone ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

ยารับประทาน

โรคเรื้อนประเภทเชื้อน้อย (Paucibacillary Leprosy)

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อรักษาโรคเรื้อนที่ตรวจพบเชื้อน้อยมากหรือตรวจไม่พบเชื้อ

  • เด็กอายุ 10–14 ปี รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 50 มิลลิกรัม/วัน ร่วมกับยาไรแฟมพิซินอย่างน้อย 6 เดือน จากนั้นอาจปรับการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • เด็กอายุ 14 ขึ้นไปและผู้ใหญ่ รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 100 มิลลิกรัม/วัน ร่วมกับยาไรแฟมพิซิน อย่างน้อย 6 เดือน จากนั้นอาจปรับการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

โรคเรื้อนประเภทเชื้อมาก (Multibacillary Leprosy)

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อรักษาโรคเรื้อนที่ตรวจพบเชื้อได้มาก

  • เด็กอายุ 10–14 ปี รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 50 มิลลิกรัม/วัน ร่วมกับยาไรแฟมพิซินและยาโคลฟาซิมีน (Clofazimine) อย่างน้อย 12 เดือน จากนั้นอาจปรับการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • เด็กอายุ 14 ขึ้นไปและผู้ใหญ่ รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 100 มิลลิกรัม/วัน ร่วมกับยาไรแฟมพิซินและยาโคลฟาซิมีน อย่างน้อย 12 เดือน จากนั้นอาจปรับการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

ผื่นคันชนิด Dermatitis Herpetiformis

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อรักษาอาการผื่นคันคล้ายตุ่มน้ำใส ๆ

  • ผู้ใหญ่ รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 50 มิลลิกรัม/วัน จากนั้นอาจปรับปริมาณยาเพิ่มขึ้น สูงสุดไม่เกิน 300 มิลลิกรัม/วัน หากมีอาการดีขึ้น แพทย์จะลดปริมาณยาลงทันทีโดยคงปริมาณการรับประทานยาอยู่ที่ 25–30 มิลลิกรัม/วัน

โรคมาลาเรีย 

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย

ผู้ใหญ่ รับประทานยา Dapsone ร่วมกับยาไพริเมทามีน (Pyrimethamine) ปริมาณ 100 มิลลิกรัม/สัปดาห์

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมซิสติส จิโรเวซิไอ 

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมซิสติส จิโรเวซิไอ

  • เด็กอายุ 1 เดือนขึ้นไป รับประทานยา Dapsone ปริมาณ 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือรับประทานยาปริมาณ 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/สัปดาห์ ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 200 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้ป่วยโรคเอดส์ใช้ยา Dapsone ร่วมกับการรับประทานยาไทรเมโทพริม (Trimethoprim) ปริมาณ 50–100 มิลลิกรัม/วัน หรือปริมาณ 100 มิลลิกรัม 2 ครั้ง/สัปดาห์ หรือรับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม/สัปดาห์

โรคท็อกโซพลาสโมซิส 

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อป้องกันโรคท็อกโซพลาสโมซิส

  • เด็กทารกอายุ 1 เดือนขึ้นไป รับประทานยาปริมาณ 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 25 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 100 กรัม 2 ครั้ง/สัปดาห์ตลอดชีวิต

ยาทา

สิว 

ตัวอย่างการใช้ยา Dapsone เพื่อรักษาสิวhttps://www.pobpad.com/สิว 

  • เด็กอายุ 9 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ ยา Dapsone รูปแบบเจลที่มีความเข้มข้น 5% ให้ทายาบาง ๆ บริเวณที่มีอาการ 2 ครั้ง/วัน หากเป็นยารูปแบบเจลที่มีความเข้มข้น 7.5% ทาบาง ๆ บริเวณที่มีอาการ 1 ครั้ง/วัน

การใช้ยา Dapsone

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Dapsone ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์หรือคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด และไม่ควรปรับปริมาณการใช้ยาเอง หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง เพราะการหยุดใช้ยาก่อนกำหนดอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ซ้ำได้
  • ยาชนิดรับประทานยาสามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ โดยให้รับประทานยาในเวลาเดิมทุกวันเพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา
  • ในการรับประทานยา Dapsone ควรเว้นระยะห่างกับยาชนิดอื่น ๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เช่น ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร และยารักษาโรคกรดไหลย้อน เพราะยาดังกล่าวอาจขัดขวางการดูดซึมยา Dapsone เข้าสู่ร่างกายได้
  • หากผู้ป่วยลืมรับประทานยา ควรรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้และรับประทานยาครั้งต่อไปตามช่วงเวลาเดิม ห้ามเพิ่มปริมาณการรับประทานยาเป็น 2 เท่า
  • หากใช้ยาเกินขนาดและหายใจลำบากหรือหมดสติ ควรนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
  • ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้ เนื่องจากปริมาณการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับอาการและการตอบสนองของอาการในแต่ละคน
  • เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์อย่างมิดชิดและเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยให้ห่างจากมือเด็ก ความชื้น ความร้อนและอากาศเย็นจัด หากยาหมดอายุ ควรนำไปกำจัดอย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Dapsone

โดยทั่วไป ยา Dapsone อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ตาเบลอ หูอื้อ ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และนอนไม่หลับ ในกรณีที่มีอาการแย่ลงหรือมีอาการติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

  • ปากเป็นสีม่วงคล้ำ
  • หายใจเร็ว
  • เจ็บหน้าอก
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เกิดเหน็บชาบริเวณมือหรือเท้า
  • เกิดภาวะตัวบวม
  • อารมณ์แปรปรวนผิดปกติ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • มีไข้ ไอและหายใจลำบากอย่างรุนแรง
  • ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
  • เกิดภาวะดีซ่านhttps://www.pobpad.com/ดีซ่าน โดยตาและผิวหนังของผู้ป่วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
  • มีอาการแพ้ยา โดยจะเกิดผื่น มีอาการคัน บวมในบริเวณใบหน้า ลิ้นและคอ เวียนศรีษะอย่างรุนแรงหรือหายใจลำบาก
  • ตับอ่อนทำงานผิดปกติ โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ปวดท้องช่วงบนอย่างรุนแรงก่อนจะลามไปที่หลัง
  • เกิดความผิดปกติของปริมาณเม็ดเลือด ส่งผลให้รู้สึกไม่สบายหรืออ่อนแรงกะทันหัน เจ็บคอ มีแผลในปาก เหงือกบวมหรือแดง มีไข้ หนาวสั่น กลืนลำบาก ผิวซีด ช้ำง่าย หรือผิวหนังมีจุดแดง
  • มีอาการของโรคภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune Diseases) เช่น เจ็บหน้าอก ปวดหัว มึนงง หายใจไม่อิ่ม เกิดผื่นคล้ายรูปผีเสื้อในบริเวณแก้มหรือจมูก และอาการจะรุนแรงขึ้นเมื่ออยู่กลางแดด เป็นต้น